วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553

คำ รัก บอกรัก ภาษา ฝรั่งเศส

Je vous aime beaucou.(เฌอ วู แซม โบกู) - ฉันรักคุณมากนะ

Je t’aime - ฉันรักเธอ

Je pense beaucoup a toi (เฌอ ปองส์ โบกู อา ตัว) - ฉันคิดถึงเธอมากนะ

Je t’aime a l’infini (เฌอ แตม อา แลงฟีนี)- ฉันรักเธอตลอดกาลหรือรักเธอชั่วนิรันด์

Qui veut être aimé, qu’il aime.
กิเวอร์แอ็ทแอมเม กิวแลม
ใครที่อยากได้รับความรักต้องรักคนอื่นก่อน





บทสนทนาภาษาจีนกลางน่ารักๆ(สำหรับผู้ชาย)

พอเจอหน้าสาวก็ต้องพูดว่า

A : หนี่ ห่าว 你好 แปลว่าคุณสบายนี้นะ
พอ สาวเจ้าได้ยินก็จะดีใจถามว่า

B : หนี่ หุ่ย เหนิง ซัว กว่อ อวี่? 你能说国语? โอ้คุณพูดภาษาจีนได้ด้วย
คุณก็ตอบว่านิดหน่อย

A : อี เตี่ยน เตี่ยน 一点点 แฮ่ะ นิดหน่อยครับ
ทีนี้คุณก็เริ่มจีบได้เลยครับ

A : หนี เหิ่น เพี้ยว เลี่ยง 你很漂亮 คุณสวยมากเลยครับ
อ้า....เธอก็อายม้วนเลย แล้วก็ถามว่าจริงหรือปล่าว

B : หนี่ ซัว เจิน เตอ มา? 你说真的吗? คุณพูดจริงหรือเปล่า?
ที่นี้คุณก็บอกรักได้เลยครับ (รวดเร็วปานกามนิตหนุ่มเลย)

A : หว่อ อ้าย หนี่ 我爱你的ผมรักคุณครับ
ที่นี้ ก็ตัวใครตัวมันนะคร๊าบบบบบบบบบ
再见 ใจ่เจี้ยน ลาก่อนครับ กลัวถูกสาวเจ้าเล่นงานครับ

ประโยคพื้นฐาน ภาษาญี่ปุ่น2

จ่อไปเป็นคำสรรพนามเอาไว้เรียกกันนะคะ > < みんなさん (มินนะซัง) แปลว่า ทุกคน (อันนี้จะเห็นในหนังบ่อย) ความหมายจะเป็นประมาณว่า หมายถึงใครก็ตามที่ยืนอยู่ ณ ที่นั้น เลวเยกแล้วขี้เกียจไล่ชื่อ ทีละคนก็เหมาเลย "มินนะซางงง" わたし (วาตาชิ) แปลว่า ฉัน มันเหมือนภาษาไทยนะตรงที่มีคำเรียกตัวเองกับคนอื่นเยอะมาก อย่างผู้ชายบางทีก็ใช้"โบขุ"แทนตัวเอง ก็แมนไปอีกแบบ ส่วนผู้หญิงบางที ก็เรียกตัวเอง"อะตาชิ" แล้วก็มีภาษาระดับพ่อขุนรามฯ "โอเระ" กับ "โอมะเอะ" มันเป็นความหมายไม่สุภาพนะแต่อาจารย์ญี่ปุ่นบอกว่าผู้ชายญี่ปุ่นเขาเอาไว้ เรียกกะแฟน(!!) แล้วก็ยังมีคำว่า"อังตะ"ที่แปลว่า "แก" ส่วน"คิมิ"ก็แปลว่า"นาย" หรือ"เธอ" อันนี้ไว้ใช้เรียกเพื่อนที่สนิทกันมากหน่อย せんぱい (เซมไป) แปลว่า รุ่นพี่ ใช้เรียกรุ่นพี่ในโรงเรียนเดียวกัน หรือคนทีทำงานมาก่อน ใช้ต่อท้ายชื่อคนที่จะเรียกก็ได้นะ เช่น"คิโมจิเซมไป" = "รุ่นพี่คิโมจิ" せんせい (เซนเซ) แปลว่า อาจารย์ ใช้ต่อท้ายชื่ออาจารย์ก็ได้เหมือนกันหรือจะเรียกอาจารย์เฉยๆก็ได้ คนญี่ปุ่นบอกว่าเอาไว้ใช้เรียกหมอด้วย おかあさん (โอก้าซัง) แปลว่า คุณแม่ ลองเอาไปเรียกท่านดูละกัน おとうさん (โอโต้ซัง แปลว่า คุณพ่อ おにいさん (โอนี่ซัง) แปลว่า พี่ชาย แนะนำนิดนึงค่ะ ไม่ใชเรียกเฉพาะพี่เราเท่านั้นนะ พี่ผู้ชายที่แก่กว่า แล้วสนิทกันก็เรียกได้ ให้ดูน่ารักหน่อยก็เปลี่ยน"ซัง"เป็น"จัง" >> "โอนี่จางงงง> <"

おねえさん (โอเน่ซัง) แปลว่า พี่สาว การใช้ก็เหมือนคำว่าพี่ชายทุกอย่างแหละ

おとうと (โอโต้โตะ) แปลว่า น้องชายไม่ค่อนิยมใส่"ซัง"กันนะ เคยเก็นแต่"โอโต้โตะจัง"

いもうと (อิโม้โตะ) แปลว่า น้องสาว ใช้เหมือนคำว่าน้องชาย

かわいい (คาวาอี้) แปลว่า น่ารัก คำนี้เจอบ่อย ยิ่งที่ลากเสียง"อี้"ยาวๆละก็นะไปดูตามคอนเสิร์ตญี่ปุ่นเลย

สุดท้ายละค่ะ วิธีบอกรักเป็นภาษาญีปุ่น ^^ อิอิ อันนี้หลายคนสนใจละสิ

あいしてる (ไอชิเตะรุ) ใส่"โยะ"ข้างหลังจะให้ความรู้สึกคล้ายๆแบบว่า"รักนะ"

だいすき (ไดซึกิ) อันนี้ความหมายจริงๆคือ"ชอบมากๆเลย"/"ชอบที่สุดเลย" จะเพิ่มหางเสียงเป็น"ไดซึกิดะโยะ"ก็ได้


ประโยคพื้นฐาน ภาษาญี่ปุ่น1

おはようございます。 สวัสดีตอนเช้า

(โอะฮะโย โกซะอิมัส)

ถ้าพูดกับเพื่อนก็"โอะฮะโย"เฉยๆก็ได้ ^^

こんちは。 สวัสดีตอนกลางวัน

(คนนิจิวะ)

こんばんは。สวัสดีตอนเย็น

(คมบังวะ)

おやすみなさい。ราตรีสวัสดิ์/ฝันดีนะ

(โอยาซึมินะไซ)

หรือจะ"โอยาซึมิ"ก็ได้

がんばってください。พยายามเข้านะจ๊ะ

(กัมบัตเตะคุดะไซ)

จะให้น่ารักๆก็"กัมบัตเตะเนะ" ให้อารมณ์ประมาณว่า"สู้ๆนะจ๊ะ"

さようなら。 ลาก่อน

(ซาโยนะระ)

ถ้าเด็กๆพูด กันก็ใช้คำว่า"อาบาโย" เคยเห็นในการ์ตูนนะ




วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

บอกรักด้วยภาษา เกาหลี



ใจดวงนี้ให้เธอคนเดียว รวมมิตรสุดฮิต สาวสวยโพสท์ท่าหัวใจ vol.3



사랑합니다
(ซา ราง ฮัม นี ดา) แปลว่ารักนั่นหละค่ะ แต่จะใช้แบบสุภาพเอามากๆ ใช้พูดกับคนที่อายุมากกว่า หรือยังไม่สนิทกันมากค่ะ

사랑해요 (ซา ราง แฮ โย) รักเหมือนกัน แต่ไม่สุภาพเหมือนอันบน ส่วนใหญ่ใช้พูดกับเพื่อน หรือคนที่อายุน้อยกว่า หรือคนที่สนิทกันแล้วค่ะ
*** เพิ่มเติม (ประโยคน่ารักๆค่ะ ^^)

1)
사 랑해 (ซา ราง แฮ) อันนี้ไว้พูดกับคนที่สนิทกันค่ะ

2)
사랑할거야 (ซา ราง ฮัล กอ ยา) แปลว่า "จะรัก" เป็นรูปอนาคต
ตัวอย่างนะคะ
영원히 사 랑할거야(นัน นอล ยอง วอน ฮี ซา ราง ฮัล กอ ยา) แปลว่า "ชั้นจะรักเธอตลอดไป"

3)
사랑합시다 (ซา ราง ฮับ ชี ดา) แปลว่า "เรามารักกันเถอะ"

4)
사 랑하는 (ซา ราง ฮา นึน) แปลว่า "ที่รัก"

5)
눈에 반 한 사랑 (ชอด นุน เน พัน ฮัน ซา ราง) แปลว่า "รักแรกพบ"

6)
안에 있 어(แน อัน เน นอ อิด ซอ) แปลว่า "คุณอยู่ในใจชั้น"
ประโยค บอกรักภาษาเกาหลี
12.06.2008 - 18:38:40
[/size=14px]Happy Valentine's Day !
해피 발렌타인 데이 !
(แฮพิ พัลเรนทาอิน เดอิ !)
(เหมือนไม่ค่อยจะต่างกันซักเท่าไหร่ 55+)

ฉัน รักเธอ
나는 당신을 사랑합니다. (สุภาพมากๆๆๆ)
(นา นึน ทังชินี ซารังฮัมนีดา)

ชอบเธอ
좋 아해.
(โชอาแฮ)

คุณคือคนสำคัญใน ชีวิตของฉัน
삶속에세 당신은 중요한 사 람이에요.
(เช ซัมโซเกเซ ทังชินึน ชูโยฮัน ซารามีอีเอโย)

คิดถึงจัง
보고싶 어.
(โพโกชีพอ)

คิดถึงมากๆ
너무 보고싶어
(นอ มู โพโกชิบพอ)

คิดถึงจริงๆ
정 말 보고싶어
(ชองมัล โพโกชิบพอ)

เธอเป็นผู้จุดประกายให้ชีวิตของฉัน
인생을 조 명합니다.
(แน อินแซงึล โชมยองฮัมนีดา)

เธอ คือหนึ่งเดียวในชีวิตของฉัน
인 생에 당신이 바로 사람.
(แน อินแซงเง ทังชินิ พาโร คือ ซารัม)

เธอคือรักแท้ของ ฉัน
당신은 나의 진정한 사랑합니다.
(ทัง ชินิ นาเอ ชินจองฉัน ซารังฮัมนีดา)

ฉันคือว่าเธอคือ เนื้อคู่ของฉัน
생각에 당신은 영 혼합니다.
(แน แซงกาเก ทังชินึน แน ยองฮนฮัมนีดา)

ชีวิตช่างสวยงามเมื่อมีคนเช่นคุณอยู่ด้วย
당 신은이 같은 사람들과 함께하는 인생은 아 름답다.
(ทังชินือนี คาทึล ซารัมดึลกวา ฮัมเกฮานึน อินแซงึน อารึมทับตะ)

รักคือการให้
사랑이에게합니다.
(อี ซารางีเอเกฮัมนีดา)

การได้คิดถึงคุณทำให้ทุกวันของฉันสว่างไสว
하루가 폭등을 생 각합니다.
(แน ฮารุกา พกทืองึล แซงกักฮัมนีดา)

คํา ว่ารักใครก็พูดได้ แต่สิ่งสําคัญกว่านั้นคือรักที่รักจริงๆ จากหัวใจ
말하는 방법은 매 우 간단합니다 '사랑해'. 하지만 전용 '내 가'말로 당신이 정말로 하나를 항 상.
(มัลฮานึน พังบอบึน แมอู คันดันฮัมนีดา "ซารังแฮ" . ฮาจิมัน ชองยง "แนกา" มัลโร ทังชินิ ชองมัลโร ฮานารึล ฮังซัง)

ความรักที่แท้จริงเป็นอมตะ
진정한 사랑이 영원합니다.
(ชิน จองฮัน ซารางี ยองวอนฮัมนีดา)

ความรักชนะทุกสิ่ง
사랑을 모두 정 복합니다.
(ซารางึล โมดู ชองบุกฮัมนีดา)

จง อย่าไขว่คว้าหารัก จงให้รักตามหาคุณ
사랑을 찾을 가지 마 세요, 우리를 사랑 당신을 발견합니다.
(ซา รางึลชาจึล คาจิ มาเซโย, อูรีรึล ซารัง ทังชินึล พัลกยอนฮัมนีดา)

ความรักไม่สามารถเห็นได้ด้วยด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ
사랑을 보 는 그러나 마음과 함께하지 않 았합니다.
(ซารางึล โพนึน นุน คือรอนา มาอึมกวา ฮัมเกฮาจิ อานัดฮัมนีดา)






สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำใน GERMANY 2

16. ชายหญิงเท่าเทียมกัน
อย่าพยายามมองว่าหญิงชาว เยอรมันจะทำอะไรสู้ผู้ชายไม่ได้ บางทีเมื่อเราอยู่บนรถเมล์แล้วเห็นผู้หญิงยืนอยู่แล้วเราลุกให้เขานั่ง ถือว่าเป็นการสบประมาท เพราะเขาจะมองว่าเราดูถูกความสามารถของเขา เนื่องจากเขาถือว่าชายหญิงแข็งแรงเท่ากัน หญิงเยอรมันสร้างชาติกลับคืนมาหลังจากความพินาศย่อยยับหลังสงครามโลกครั้ง ที่สอง และนายกรัฐมนตรีก็เป็นหญิง (นางอังเกล่า แมเกิ้ล)


17. อย่า ข้ามถนนในที่ ๆ ไม่ได้จัดไว้ให้ข้าม
คนจะข้ามถนนได้ก็ต่อเมื่อ มีทางม้าลายและมีสัญญาณไฟให้ข้ามได้เท่านั้น ก่อนข้ามเราต้องกดขอสัญญาณก่อน จากนั้นรอสักพักจะมีไฟเขียวให้เราข้ามได้ หากยังเป็นไฟแดงแม้ว่าไม่มีรถก็อย่าข้าม เพราะหนึ่ง อาจจะมีรถมาอย่างเร็วมากและชนเราได้ เขาจะไม่ผิดด้วย เพราะสัญญาณบอกให้เขาไปได้ และสอง อาจมีตำรวจดักปรับเราอยู่อีกฝั่งหนึ่ง


18. ก่อนเข้าไปซื้อของ ถ้ามีกระเป๋าให้ฝากไว้ที่ล็อคเกอร์ก่อน
สังเกต ว่าซูเปอร์มาร์เก็ตบางแห่งจะมีล็อคเกอร์จัดไว้ให้ลูกค้า เราต้องมีเหรียญ 1 ยูโรติดตัวไว้ เพื่อที่จะเอาไว้เช่าล็อคเกอร์ (จะได้คืนเมื่อกลับมาเอาของ) หากไม่ยอมฝากของไว้ก่อน ตอนออกมาจ่ายเงินจะถูกค้นกระเป๋า ทำให้เสียเวลามาก และเกิดความหงุดหงิดทั้งเราและทั้งฝ่ายผู้ขาย นอกเสียจากบางห้างที่มีระบบกันขโมยอยู่แล้วจะไม่ต้องฝากกระเป๋า เพราะถ้าใครหยิบอะไรติดออกมาโดยไม่จ่ายเงินรับรองมีเสียงดังเกิดขึ้นแน่นอน


19. เวลาทักคนเยอรมัน ควรเริ่มทักเป็นภาษาเยอรมัน
อย่าคิด ว่าคนเยอรมันจะรู้ภาษาอังกฤษ เขาอาจจะรู้บ้างแต่ไม่รู้มาก เมื่อเขาเห็นว่าเราเป็นคนต่างชาติเขาจะไม่เข้ามาทักเราก่อนค่อนข้างแน่นอน เพราะกลัวว่าจะพูดอังกฤษไม่ถูก ดังนั้น เราจึงควรแสดงความเป็นมิตรก่อนโดยการพูดภาษาเยอรมันสักคำ เช่น กู๊ด-เท่น-ท๊าค แปลว่าสวัสดีครับ หรือสวัสดีค่ะ อย่างน้อยเขาเห็นว่าเรามาแบบเป็นมิตร คนเยอรมันก็จะพยายามช่วยเรา โดยปกติคนเยอรมันจะใจดี แต่เขากลัวว่าจะสื่อสารกับเราไม่รู้เรื่องเพราะเป็นเขาเองที่ไม่รู้ภาษา อังกฤษ


20. เวลาพูดกับคนเยอรมันอย่าเยิ่นเย้อ ให้ตรงประเด็นไปเลย
คนเยอรมันเป็นคนตรง ๆ ไม่ชอบเวลาใครพูดอะไรเยิ่นเย้อ ถ้าเราอยากจะขออะไรจากคนเยอรมันก็ขอตรง ๆ ถ้าเขาทำได้ก็จะบอกว่าได้ ถ้าไม่ได้ก็จะบอกว่าไม่ได้ ไม่มีคำตอบแบบห้าสิบห้าสิบชนิดที่ต้องมาตีความกันว่าตกลงเขาจะให้หรือไม่ ให้ อะไรอย่างนี้คนเยอรมันไม่มี ภาษาอังกฤษแบบสุภาพและวกไปวนมากว่าจะเข้าเรื่องนั้นอาจจะดีหากใช้กับคน อังกฤษ แต่สำหรับคนเยอรมันแล้วจะคิดว่า "นี่เขาต้องการอะไรกันแน่ เห็นฉันเป็นตัวตลกหรือมีเวลาว่างมากนักหรืออย่างไร ถึงได้พูดเสียอ้อมค้อมอย่างนั้น" สรุปแล้วตรงไปตรงมากับคนเยอรมันจะดีที่สุด


21. ต้องมีเหตุผล

ถึงคนเยอรมันจะเป็นคนตรง ๆ ขออะไรก็ขอได้ตรง ๆ แต่ต้องมีเหตุผล ไม่ใช่ว่าจู่ ๆ มาขอโดยไม่มีเหตุผล เขาจะไม่ยอมให้แน่ คนเยอรมันต้องการเหตุผลที่เป็นความจริง (Fact) มากกว่าเหตุผลที่เป็นความรู้สึก เราจึงต้องบอกว่า เพราะอย่างนี้มันถึงต้องมาขอ ไม่ใช่บอกว่า ขอเถ๊อะ ขอเถ๊อะ ขอช่วยเราหน่อยเถ๊อะ แบบนี้คนเยอรมันจะว่าท่าจะบ้า ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย แบบนี้คงช่วยไม่ได้


22. ทำตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่ง ครัด
คนเยอรมันเวลาจะทำอะไรนั้นจะประชุมกันก่อน เมื่อได้ข้อสรุปแล้วก็จะลงมือปฏิบัติตามนั้นแบบเป๊ะ ๆ ไม่มีการนอกคอก หากใครเกิดนอกคอกคนอื่นจะงงทันทีว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น ไหนพูดกันไว้แล้วทำไมถึงไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้ จะเกิดความสับสนทันที ดังนั้นหากต้องการจะเปลี่ยนแปลงอะไรควรต้องกลับมาประชุมกันอีกครั้งก่อน เพื่อตกลงกันใหม่ ไม่ใช่อยู่ ๆ ก็ทำตามใจตัวเองทันที


23. อย่า พูดเล่นถ้าไม่สนิท

คนเยอรมันถือว่าความจริงจังเป็นมารยาท ทางสังคม หากไม่ใช่เพื่อนสนิทกันอย่าพยายามพูดเรื่องตลก โจ๊ก หรือเรื่องล้อเล่นใด ๆ อย่างเด็ดขาด เขาจะมองว่าเราเป็นคนต่ำชั้นกว่าทันที ในการนำเสนออะไรให้คนเยอรมันฟังต้องเคร่งครัดเรื่องโครงสร้างการนำเสนอ ใช้คำพูด ท่าทาง และน้ำเสียงที่จริงจัง นำเสนอแต่ข้อมูลที่เป็นความจริง (Fact) อะไรที่คาดเดาเอาเองไม่ให้นำเสนอ และอะไรที่เป็นมุขตลกอย่าได้นำเสนอ แต่ถ้าเมื่อไรสนิทกันแล้วคนเยอรมันจะกลายเป็นคนที่สนุกสนานและเอาแต่คุย เรื่องตลก ก็แปลกดี


24. คนเยอรมันตัดสินใจด้วยข้อมูล รอบด้าน

อย่าได้ให้ข้อมูลด้านเดียว จงให้ข้อมูลทุกเรื่องและทั้งด้านดีและด้านไม่ดี เช่น หากมีคนสมัครเข้าทำงานอยู่ 10 คน อย่ากระโจนบอกว่าคนที่ดีคือคนที่ 1 3 และ 5 แต่จงไล่มาทีละคนว่าคนแรกเป็นใคร ดีอย่างไร ไม่ดีอย่างไร ต่อมาคนที่สองเป็นอย่างไร ดีอย่างไร ไม่ดีอย่างไร ทำอย่างนี้จนครบทุกคน จากนั้นให้สร้างเกณฑ์ที่ใช้ในการตัดสินขึ้นมา แล้วตัดสินไปตามเกณฑ์ ทำอย่างนี้อาจจะใช้เวลามากสักหน่อย แต่คนเยอรมันอดทนที่จะฟังข้อมูลให้ครบทุกด้านได้อย่างน่าประหลาดใจ เขาจะไม่พยายามตัดสินใจถ้าไม่ได้ฟังครบทุกด้านก่อน


25. รักษา ตำแหน่งของตัวเอง

เมื่อคนเยอรมันได้รับมอบหมายให้ทำอะไรใน ตำแหน่งไหนแล้ว เขาจะรับผิดชอบในตำแหน่งนั้นอย่างถึงที่สุด ไม่ทิ้งตำแหน่งของตัวเอง นั่นคือการทำงานแบบเป็นกลไก (mechanism) สไตล์เยอรมันขนานแท้ เมื่อกลไกส่วนอื่นส่งงานมาให้เขา ทุกคนจะคาดหวังได้ว่าเขาจะต้องสานต่อได้ เหมือนสายพานการผลิต ไม่มีใครที่อยู่ ๆ ก็หายไปจากตำแหน่งของตัวเอง วิธีคิดเช่นนี้สังเกตได้ในการเล่นฟุตบอลของทีมชาติเยอรมัน อาจจะดูแข็ง ๆ และไร้จินตนาการ แต่ทุกคนรักษาตำแหน่งอย่างแข็งขันและเป็นระเบียบ แต่ข้อเสียของระบบนี้ก็คือหากมีใครหายไปสักตำแหน่งก็รวนกันทั้งระบบ ดูอย่างตอนที่แพ้สงครามโลกครั้งที่สองก็เพราะบางตำแหน่งโดนโจมตีพังไป ทำให้ต่อเกมส์กันไม่ติด ไม่มีการรวมศูนย์การตัดสินใจที่สามารถปรับเปลี่ยนระบบได้อย่างยืดหยุ่นพอ เมื่อต่างคนต่างคิดว่าจะเอาอย่างไรต่อไปก็ไม่ทันเสียแล้ว



26. งานมาก่อน ความสัมพันธ์ส่วนตัวมาทีหลัง

เวลาทำ งานกับคนเยอรมัน เริ่มต้นมาก็ให้แนะนำตัวแค่บอกชื่อตัวเองก็พอ อย่าเสียเวลาคุยเรื่องส่วนตัวนาน ให้เข้าเรื่องงานเลยว่าตกลงพวกเราต้องทำอะไรกันบ้าง แล้วก็ตกลงว่าเราควรจะทำอย่างไร จากนั้นก็ทำไปตามที่ตกลงกัน เพื่อนเยอรมันคนหนึ่งเคยไปสิงคโปร์บอกว่ากว่าจะเริ่มงานได้ ชาวสิงคโปร์พูดคุยทำความรู้จักกันนานมาก จนเขารำคาญ ผมก็ว่ามันไม่เหมือนกัน ที่เอเชีย ความสัมพันธ์มาก่อน งานมาทีหลัง ถ้าความสัมพันธ์ไม่ดีงานจะไม่เดิน เพื่อนเยอรมันก็บอกว่าที่เยอรมันงานมาก่อน ความสัมพันธ์มาทีหลัง ถ้างานสำเร็จเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนเยอรมันจะแสดงความเป็นมิตร เช่น พูดชวนไปทานกาแฟ เป็นต้น นั่นแสดงว่าเขาเปิดใจมาให้เราเป็นมิตรกับเขาแล้ว



27. ไม่ ต้องกังวลถ้าคนเยอรมันไม่พูดชมซึ่งหน้า แต่เขาจะช่วยเราในเวลาคับขัน

คน เยอรมันเวลาชื่นชมผลงานของใครจะไม่พูดออกมาตรง ๆ ว่าชอบ แต่จะแสดงออกว่าชอบคน ๆ นี้โดยการหยิบยื่นช่วยเหลือให้ในยามคับขัน ดังนั้นไม่ต้องคาดหวังว่าจะได้คำพูดหวาน ๆ จากคนเยอรมัน แต่พวกเขากลับสามารถพึ่งพาได้อย่างดียิ่งเมื่อเกิดเรื่องร้ายแรงที่เราจำ เป็นต้องขอความช่วยเหลือ แต่ถ้าอยากรู้จากปากของเขาว่าเขาชอบงานของเราไหม ให้เอ่ยชมงานของเขาก่อน แล้วเขาจะเปิดใจพูดถึงงานเราบ้าง


ถ้า มีอีกจะเอามาเพิ่มให้ค่ะ (:


สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำใน GERMANY 1

1.ชาวเยอรมันรักความสะอาดและความมีระเบียบมาก การทิ้งขยะในที่สาธารณะเป็นสิ่งที่ผิดกฏหมาย และแม้จะทิ้งขยะในถังก็ต้องทิ้งให้ถูกต้อง

2.ความเงียบสงบเป็น อีกสิ่งหนึ่งที่ชาวเยอรมันให้ความสำคัญมาก เพราะฉะนั้นโปรดรักษาความสงบ การส่งเสียงเอะอะโวยวายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันอาทิตย์ทั้งวัน วันเสาร์ระหว่างเวลา 18.00น. จนถึง 8.00น. และระหว่าง 12.00-15.00น. วันธรรมดาระหว่าง 20.00น.-8.00น. และระหว่าง 12.00น.-15.00น.โดยหลักการแล้วเป็นสิ่งที่ผิดกฏหมาย

3.ชาว เยอรมันขับรถเร็วแต่เคารพกฏหมายอย่างเคร่งครัดและไม่ประนีประนอม ดังนั้นถ้าต้องการขับรถเที่ยวเอง ต้องแน่ใจว่ารู้กฏจราจรจริง ๆ อนึ่ง ถ้าท่านขับรถผ่านไปพบอุบัติเหตุ ท่านจะต้องหยุดรถเพื่อให้ความช่วยเหลือ มิฉะนั้นท่านจะมีความผิดตามกฏหมาย ถ้าท่านขับรถไปชนหรือเฉี่ยวรถที่จอดอยู่โดยเจ้าของรถไม่ได้อยู่ในที่นั้น ท่านจะต้องคอยพบเจ้าของหรือถ้าคอยไม่ได้ต้องทิ้งที่อยู่ หรือเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ไว้ให้เจ้าของรถ มิฉะนั้นจะกลายเป็นว่าท่านละเมิดกฏหมายในระดับที่ร้ายแรงมาก

4.ในการ ซื้อสินค้าหรือกระทำการใดก็ตามห้ามแซงคิว ผู้ที่มาก่อนย่อมจะต้องได้รับบริการก่อน การแซงคิวหรือเบียดเสียดเป็นการผิดมารยาทที่ร้ายแรงมาก

5.ถ้าท่านใช้ บริการของการขนส่งมวลชน โปรดระมัดระวังอย่านั่งเก้าอี้ที่มีเครื่อง หมายกากบาทสีขาว เพราะที่นั่งเหล่านี้เป็นที่นั่งสำรองสำหรับผู้ที่บาดเจ็บพิการหรือผู้ชรา

6.ชาว เยอรมันโดยทั่วไปไม่ใช่คนยิ้มง่าย แต่เขาจะให้ความช่วยเหลือถ้าได้รับการขอร้องอย่างสุภาพ

7.การจราจรใน เยอรมนีเป็นแบบชิดขวา ทั้งนี้รวมถึงคนเดินถนนด้วย

8.โปรดให้ความช่วย เหลือแก่ผู้ที่เข็นรถเด็ก เช่น หลีกทางให้ไปก่อน ช่วยเปิดประตู หรือช่วยยกรถเด็ก

9.การตรงต่อเวลาเป็นมารยาทพื้นฐาน ที่สำคัญมาก (มากมากมากจริงจริง :th_088_:)

10.การ ไปเยี่ยมเยือนชาวเยอรมันจะต้องนัดล่วงหน้าเสมอ ควรมีของขวัญเล็กๆน้อยๆ เช่น ดอกไม้สักช่อ หรือไวน์ดีๆสักขวดไปฝากเจ้าบ้าน และอย่าอยู่นานเกินไป อนึ่งถ้าไม่ได้มีการเชิญรับประทานอาหารล่วงหน้า ชาวเยอรมันจะไม่เชิญแขกให้อยู่รับประทานอาหาร :m049:

11.ในการทักทายกันด้วยการสัมผัสมือ ผู้ที่อายุมากกว่า หรือสตรีจะเป็นฝ่ายยื่นมือให้ก่อน

12.สงครามโลกทั้ง 2 ครั้งและคำว่านาซี ไม่ควรอยู่ในหัวข้อสนทนากับชาวเยอรมัน

13.อย่า ทำให้ใครหยุดชะงักกลางทาง
เมื่อคนเยอรมันเริ่มออกจากอาคารแล้ว กำลังมุ่งหน้าไปที่ใดสักแห่งอย่าได้พยายามทักเพื่อให้เขาหยุดเดินแล้วมาสนใจ เรา เพราะก่อนออกจากอาคารเขาได้เช็คตารางการเดินรถเมล์หรือรถไฟไว้แล้ว และเขากะแล้วว่าเมื่อเริ่มออกจากอาคารเวลานี้จะต้องไปทันรถแน่ ๆ หากเราทำให้เขาชะงัก เขาจะเสียเวลาไปไม่ทันรถ เขาจะโกรธเอาได้ ทางที่ดีควรเดินไปคุยกันไป หรือรอให้ไปถึงสถานีรถไฟฟ้าก่อนแล้วค่อยคุย หรืออาจจะคุยกันในรถไฟฟ้าก็จะดีกว่า เพราะเขาจะมีเวลาคุยด้วยเต็มที่หลังจากขึ้นรถแล้ว


14.อย่า เรียกชื่อหน้า
คนไทยนิยมเรียกชื่อหน้า เช่น คมสัน แต่เราจะเรียกชื่อหน้าของชาวเยอรมันไม่ได้ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทกัน เช่น ดร. กุนเธ่อร์ มันสเก้ เราจะต้องเรียกว่า ดร. มันสเก้ ไม่ใช่ ดร. กุนเธ่อร์

15. อย่าใส่หมวกเข้าไปในอาคาร
ให้ ถอดหมวกทุกครั้งที่เข้าไปในอาคาร และหากพบกับใครนอกอาคาร ก็ควรถอดหมวกออกก่อนในเวลาที่กล่าวทักทายกันแล้วใส่กลับไปใหม่


10 ข้อห้าม…อย่าทำในเกาหลี

เพื่อนๆ ที่จะไปเกาหลี เมื่อไปถึงแล้ว ห้ามทำในสิ่งที่เราจะบอกในต่อไปนี้…

1.คุณคือ Tourist ไม่ใช่ Business man
ถ้าคุณไม่อยากเจอปัญหาหนักอกกับใบหน้าเ***้ยมๆ ของ ต.ม.(กองตรวจคนเข้าเมือง)คุณต้องไม่กรอกจุดประสงค์ในการเข้ามาประเทศเกาหลี ใต้ในเอกส ารว่า Business อย่างเด็ดขาด มิเช่นนั้นคุณจะต้องเสียเวลากับกิริยาก้าวร้าวและไม่รับฟังเหตุผลของพนักงาน ที่นั่นจ นคุณอาจจะฉุนขาดได้ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมาที่เกาหลีเพื่ออะไร คุณต้องบอกและกรอกไปว่าคุณคือ Tourist

2. ฉ่อน จี ฮยอน ไม่ใช่ จอน จี ฮุน
หากคุณคลั่งไคล้ฉ่อน จี ฮยอน มากถึงขั้นจะบินไปหาเธอที่เกาหลีคุณต้องท่องและออกเสียงชื่อของเธอให้ขึ้นใจ ว่าฉ่อน จี ฮยอนไม่ใช่ จอน จี ฮุนถ้าคุณไปถามคนที่นั่นว่ารู้จัก จอน จี ฮุน บ้างไหมเขาอาจจะเข้าใจว่าบุคคลนี้เป็นอาชญากรตัวร้าย และคุณคือผู้สมคบคิดข้ามแดน (ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นชื่อคน สถานที่ สิ่งของ เมื่ออยู่ที่นั่นแล้วคุณควรออกเสียงให้ถูกต้อง)

3. อย่าโบกแท็กซี่คันสีดำ
คุณอย่าใช้ความเคยชินในเมืองไทยที่ว่าจะต้องขึ้นแท็กซี่รุ่นใหม่ เท่านั้นเพราะถ้าคุณ เผลอไปใช้บริการแท็กซี่สีดำที่มักจะลวงตาคุณด้วยยี่ห้อเบนซ์หรือ บีเอ็มดับเบิ้ลยู คุณอาจจะหมดตัวเอาง่ายๆเพราะรถประเภทนี้คือรถ เดอลุกซ์(ภาษาเกาหลีเรียก ว่าโมบอม) และมิเตอร์จะเริ่มต้นราคาที่แพงกว่ารถคันอื่นๆเกือบเท่าตัว! (ทางที่ดีคุณควรจะหัดขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินจะดีกว่า)

4.อย่าทำอะไรกวนใจโชเฟอร์
คนเกาหลีดุมาก อันนี้เรื่องจริง แม้โชเฟอร์แท็กซี่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น หากคุณนั่งอยู่บนรถของเขาและเกิดนึกจะหยิบจับปรับช่องแอร์อะไรก็ตาม โชเฟอร์จะตวาดคุณทันทีด้วยน้ำเสียงเหมือนคุณจะเบี้ยวค่าโดยสาร และหากโชคไม่ดีคุณจะโดนตีมือดังเพี๊ยะ! ให้งงเล่น

5.ระวังถูกชน!

ไม่ได้หมายถึงถูกรถชนนะครับ คนเกาหลีนี่แหละที่จะชนคุณจนหงายเก๋งได้ แถมยังไม่มีแม้แต่คำขอโทษ เพราะคนที่นี่ทั้งชายและหญิงต่างเดินกันเลนไหนเลนนั้น ใครขวางข้าชน ซึ่งถ้าคุณต้องสัญจรบนทางเท้าอันพลุกพล่านในเกาหลี และแน่ใจว่าไปไม่รอด ขอแนะนำให้สวมฟองน้ำไว้ที่หัวไหล่ตั้งแต่ลงจากเครื่อง บิน!

6.อย่าสั่งกาแฟเย็น(ในร้านฟาสต์ฟูด)
ไม่เชื่ออย่าลบลู่ ถ้าคุณไม่อยากเสียเงินซื้อน้ำล้างจานฟรีๆไม่ได้พูดโอเว่อร์ เพราะกาแฟเย็นในร้านฟาสต์ฟูดของเกาหลีรสชาติแย่จริงๆ สันนิษฐานได้ว่าที่เกาหลีมีร้านกาแฟอยู่มากมาย และผู้คนก็ชอบที่จะดื่มกาแฟตามร้านเหล่านั้นมากกว่าดังนั้น เครื่องดื่มชนิดนี้ในร้านฟาสต์ฟูดจึงไม่ได้รับการปรับคุณภาพตามมาตรฐาน ISO แต่อย่างใด

7.อย่ามักง่าย(ในร้านฟาสต์ฟูด)
แม้กาแฟเย็นจะไม่เอาอ่าว แต่เรื่องความเป็นระเบียบวินัย และสปิริตการรักษาความสะอาดในร้านฟาสต์ฟูด คงต้องยกให้คนเกาหลี คุณคิดดูสิ นอกจากจะรณรงค์ให้คนเก็บภาชนะ เทขยะลงถังแล้ว ยังละเอียดถึงขั้นให้แยกประเภทภาชนะอีกด้วย และคนเกาหลีทั้งวัยรุ่นขาโจ๋หรือคนแก่แค่ไหน ต่างก็พร้อมใจกันทำเหมืนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ดังนั้นคุณอย่าเผลอทำตัวเหมือนในบ้านเราเด็ดขาด!

8.อย่าซื้อของปลอม!
ไม่ใช่จะมาโปรโมตเรื่องลิขสิทธิ์ทางปัญญา แต่จะบอกว่าคุณภาพของก๊อปปี้ในเกาหลีก็ไม่ต่างจากสินค้าย่านประตูน้ำสักเท่า ไหร่ ดังนั้น หากคุณจะซื้อของปลอมจากที่นั่น และมาย้อมแมวหลอกเพื่อนว่าเป็นสินค้าจากเกาหลีคุณก็อาจจะเสียเพื่อนเอาง่ายๆ

9.อย่าหวังพึ่ง ฟุด ฟิต ฟอ ไฟ
แม้คุณจะได้ความมั่นใจในการฟุด ฟิต ฟอ ไฟ จากครูเคทมาแล้วหลายครั้ง แต่การพูดภาษาอังกฤษในเกาหลีต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน เพราะคนที่นี่นอกจากจะไม่พูดอังกฤษแล้ว เขาก็ไม่มองว่าคนพูดอังกฤษได้จะดูเป็นคนเก่งหรือน่าชื่นชมแต่อย่างใด จึงเห็นได้ชัดเจนว่าในเกาหลีมีชาวฝรั่งมาท่องเที่ยวกันน้อยเหลือเกิน

10.อย่าหวังพบคนถูกใจ
ไอ้ที่คุณวาดฝันมาจากหนังรักเกาหลีทั้งหลายและหวังจะมาพบเจอหนุ่ม ตี๋หล่อผู้สุภาพหรื อสาวน่ารักจิ้มลิ้มในแดนกิมจิ คุณควรยุติมันไว้แค่นั้น เพราะหนุ่มสาวส่วนใหญ่ในเกาหลีนั้นหน้าตาธรรมดามากๆ(ค่อนข้างไปทางแย่) ไม่ว่าจะไปเดินในแหล่งที่อุดมวัยรุ่นแค่ไหนก็ยังหาที่โดนใจได้ยาก เพราะที่เราเห็นสวยหล่อในหนังละครนั้นเป็นประชาชนส่วนน้อยครับ (หนุ่มสาวชาวไทยเจ๋งกว่าเยอะ)

http://upic.me/i/87/snsd571.jpg

วันพุธที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2553

5 สิ่ง 'ควรทำ' และ 'ไม่ควรทำ' ในเยอรมัน

PLEASE DO .....

เด็กดีดอทคอม :: 5 สิ่ง ควรทำ และ ไม่ควรทำ ในเยอรมัน; tags:  เรียนนอก, ประเพณี, ดอกไม้, วัฒนธรรม, ยุโรป, เยอรมัน 1. จับมือทักทายกับอีกฝ่ายเมื่อถูกแนะนำให้รู้จัก (ถ้าไม่จับมือ ถือว่าไม่สุภาพ)

2. อย่างที่รู้ๆ ว่าคนเยอรมันชอบดื่มเบียร์มาก ก่อนดื่มเบียร์ทุกครั้งต้องพูดว่า PROST! (ความหมายประมาณ Cheers) โดยขณะพูดนั้นอย่าลืมมองตาเพื่อนๆ ที่ร่วมดื่มเบียร์ด้วยกัน

3. คนเยอรมันชอบพูดคุยกันเรื่องการเมืองและปรัชญา ถึงแม้จะเป็นการพบกันครั้งแรกก็ตาม ดังนั้นสามารถพูดคุยได้อิสระ ไม่ต้องกลัว (ที่เมืองไทยคงไม่ได้อะเนาะ ฮ่าๆ)

4. เมื่อรับโทรศัพท์ทุกครั้ง ควรจะพูดชื่อตัวเองก่อนว่าใครเป็นคนรับสาย

5. ร้านค้าจำนวนมากในเยอรมันมักไม่รับบัตรเครดิต เพราะฉะนั้นอย่าลืมพกเงินสดหรือกด atm เผื่อไว้


เด็กดีดอทคอม :: 5 สิ่ง ควรทำ และ ไม่ควรทำ ในเยอรมัน;  tags: เรียนนอก, ประเพณี, ดอกไม้, วัฒนธรรม, ยุโรป, เยอรมัน5 สิ่ง 'ควรทำ' และ 'ไม่ควรทำ' ในเยอรมัน



PLEASE DON'T .....

เด็กดีดอทคอม :: 5 สิ่ง ควรทำ และ ไม่ควรทำ ในเยอรมัน; tags:  เรียนนอก, ประเพณี, ดอกไม้, วัฒนธรรม, ยุโรป, เยอรมัน

1. ห้ามมาสาย คนเยอรมันมักตรงเวลาเสมอ

2. ห้ามมอบดอกลิลลี่ให้แก่คนเยอรมัน เพราะใช้ใน
พิธีงานศพ

3. ดอกคาร์เนชั่นก็เช่นกัน เพราะหมายถึงความเศร้า
โศก เสียใจ


4. เวลาเดินบนฟุตบาท สังเกตดีๆ เพราะบนฟุตบาท
จะแบ่งเป็น 2 เลนคือสำหรับคนเดินและสำหรับคนขี่
จักรยาน ถ้าไปเดินบนเลนที่ไว้สำหรับขี่จักรยาน อาจจะ
โดนจักรยานเสยและอาจโดนด่าฟรีๆ ได้

5. อย่าข้ามถนนสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะนอกจากจะผิด
กฎหมายแล้ว อาจถูกโดนมองด้วยสายตาแปลกๆ หรือ
อาจจะถูกจับได้

เด็กดีดอทคอม :: 5 สิ่ง ควรทำ และ ไม่ควรทำ ในเยอรมัน; tags:  เรียนนอก, ประเพณี, ดอกไม้, วัฒนธรรม, ยุโรป, เยอรมัน5 สิ่ง 'ควรทำ' และ 'ไม่ควรทำ' ในเยอรมัน

วันคุ้มครองโลก



วันคุ้มครองโลก หรือ เอิร์ธเดย์ (Earth Day) ตรงกับวันที่ 22 เมษายน ของทุกปี ประกาศโดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งองค์การสหประชาชาติ (United Nations Environment Program "UNEP") เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2543

ในประเทศจัดให้มีกิจกรรมวันคุ้มครองโลกเป็นประจำทุกปี โดยหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กรีนพีซ

นอกจากวันเอิร์ธเดย์ 22 เมษายนแล้ว ยังมีวันเอิร์ธเดย์ที่ถูกกำหนดขึ้นจากช่วงวิษุวัต หรือ อิกควินอกซ์ (equinox) เช่นกัน วิษุวัตเป็นช่วงที่ในกลางวันและกลางคืนมีระยะเวลาเท่ากัน และเป็นการเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิในซีกโลกเหนือ และฤดูใบไม้ร่วงในซีกโลกใต้ โดยนับจากเหตุการณ์ธรรมชาติที่แกนขั้วโลกจะตั้งได้ฉากกับเส้นศูนย์สูตรมาก ที่สุด ในช่วงวันที่ 20-21 มีนาคมของทุกปี


ประวัติ

วันคุ้มครองโลกนี้ สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา เกย์ลอร์ด เนลสัน (Gaylord Nelson) เป็นผู้ริเริ่มตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2505 วุฒิสมาชิกเนลสันได้ตัดสินใจขอให้ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี ยกเรื่องสิ่งแวดล้อมขึ้นเป็นวาระแห่งชาติ เคเนดีเห็นด้วยและได้ออกทัวร์ทั่วประเทศ เป็นเวลา 5 วัน 11 รัฐ ในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ. 2506 (ก่อนที่ประธานาธิบดีเคเนดีจะถูกลอบยิงเสียชีวิต) การทัวร์ครั้งนั้นนับเป็นจุดเริ่มต้นของการริเริ่มวันคุ้มครองโลก จนในปี พ.ศ. 2512 วุฒิสมาชิกเนลสันได้ผลักดันให้มีการจัดการชุมนุมประชาชนระดับรากหญ้าทั่ว ประเทศขึ้น เพื่อให้แสดงความคิดเห็นในปัญหาสิ่งแวดล้อม และได้เชิญชวนให้ทุก ๆ คนร่วมการชุมนุมเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดกระแสความห่วงใยในวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่ของสังคมอเมริกันใน ขณะนั้น นำสู่ความสำเร็จของการก่อตั้งวันคุ้มครองโลกขึ้นต่อมา

วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553

ว่ากันว่า นี่คือ สัตว์หายาก อ่ะคร้า (เจอแล้วรวย)

สัตว์ที่จะเห็นต่อไปนี้จัดเป็นสัตว์ที่หายากมั่กๆ ถ้าใครเจอใครเห็น จะกลายเป็นมหาเศรษฐีเอาง่าย ๆ เพราะหลาย ๆ ประเทศตั้งรางวัลสำหรับผู้พบเห็นสัตว์เหล่านี้(ประเทศไทยจะมีไหมเนี่ย) ใคร อยากรวยก็ขวนขวายหากันหน่อยล่ะกัน

The Pinta Island tortoise
หนึ่ง ในเพียงไม่กี่ชนิดของเต่ายักษ์แห่งกาลาปากอส สัตว์ที่หายากที่สุดในโลกปัจจุบันเหลือเพียง 1 ตัวเท่านั้น เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเกาะกาลาปากอส อีกทั้งยังมีประกาศว่าจะมอบเงินจำนวน 10,000$ แก่ผู้พบเต่าตัวเมียชนิดนี้

Baiji (Yangtze River Dolphin)

ปลา โลมาชนิดหนึ่งสัตว์ที่หายากที่สุดในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ปัจจุบันเหลือเพียงไม่กี่สิบตัวเท่านั้นจะพบในแม่น้ำหรือทะเลสาบที่น้ำใส สะอาดเท่านั้นสาเหตุของการที่หลงเหลือน้อยมาจากความสกปรกของแหล่งน้ำ การประมง อุปกรณ์จับสัตว์น้ำ



Snow Dog
สุนัขพันธุ์หายากของโลก ปกติพบเห็นได้เฉพาะบริเวณเทือกเขาหิมาลัย ประเทศอินเดีย กำลังลดจำนวนลงเรื่อย ๆ เนื่องจากความเชื่อที่ว่าหากพบเห็นแล้วจะนำโชคลาภมาให้ จึงทำให้เกิดการออกล่านำไปเลี้ยง บ้างก็ตายจากการล่า และเมื่อนำไปเลี้ยงผิดวิธีมันจะตรอมใจตายในที่สุด จึงเป็นเหตุให้หมาหิมะลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีจำนวนไม่ถึง 100 ตัว และถ้ามีใครพบเห็น (แต่ห้ามล่า) สามารถแจ้งเบาะแสเพื่อรับเงินรางวัล 50,000$ www.savethedog.in

สัตว์หายาก
The Vancouver Island Marmot
มาร์ มอทชนิดนี้พบในภูเขาสูงของเกาะแวนคูเวอร์ เคยมีจำนวนต่ำกว่า 75 ตัว ในปี 2005ได้รับการเพาะพันธุ์จนมีจำนวน 150 ตัว(รวมตัวอ่อน) เป้าหมายที่คาดสูงสุดคือการจะทำให้มันมีจำนวนถึง 400 ตัว




Iberian Lynx
มัน เป็นหนึ่งในแมว(?)ที่ใกล้สูญพันธู์มากที่สุด 36 สายพันธ์ มันถูกฆ่าด้วยกับดักที่ใช้ดักกระต่ายบ่อยๆ หรือไม่ก็ ถูกรถชน รัฐบาลสเปนศึกษาในปี 2005 พบว่าเหลือเพียง 103 ตัวเท่านั้นลดลงมาจาก 400 ตัวในปี 2000 ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก

.....

กำลังจะถูกข่มขืนทำไงดี

ข้อมูลจากผู้ต้องขังข้อหา ข่มขืน จาก คุกบางขวาง และ ลาดยาว จำนวน 100 คน
นาง สาวอลิสา แสงขำ นักศึกษาปริญญาโท นิติศาสตรมหาบัณฑิต คณะนิติศาลตร์ ภาควิชาอาชญวิทยา เก็บข้อมูลจากนักโทษข้อหาข่มขืนจากคุกบางขวางและลาดยาว จำนวน 100 คน

- 90% เลือกผู้หญิงผมยาว คือหางเปีย หางม้าปล่อยตามธรรมชาติ เพราะกระชากจากข ้างหลังได้ง่าย

- 87%
เลือก ผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าถอดง่าย แต่หากพบผู้หญิงถูกใจแต่สวมเสื้อผ้าที่ต้องใช้เวลาถอดนาน เขาจะกลับมาดักรอเป็นครั้งที่สองพร้อมกรรไกรหรือคัตเตอร์

- 84% เลือกผู้หญิงที่เดินไปด้วยคุยโทรศัพท์ไปด้วย มือถือสามารถนำไปขายต่อได้ หรืออ่านการ์ตูน หรือหนังสืออื่นขณะเดินเพราะไม่ได้ระวังตัว

- 96%
เลือก ผู้หญิงที่เดินทางไปไหนมาไหนเวลากลางคืน เพราะผู้ชายส่วนใหญ่มีประสบการณ์ทางเพศครั้งแรกตอนกลางคืนโดยไม่คำนึงว่า ต้องเป็นผู้หญิงสวยหรือหุ่นดี ขอให้มีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็พอ มีนักโทษบางขวางคนหนึ่งให้ข้อมูลว่าหากเวลานั้นเป็นเวลาที่เขาต้องการปลด ปล่อยแล้วเขาไม่เลือกว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย วัว ควาย

- 99%
เลือก ผู้หญิงที่เดินทางคนเดียว มีนักโทษบางขวางคนหนึ่งทำทีเป็นวินมอเตอร์ไซค์รับผู้หญิงคนที่ถูกใจจากกลุ่ม เพื่อนของเธอที่เดินด้วยกันไปข่มขืน

- 80%
สามารถข่มขืนได้ในการกระทำครั้งแรกโดยใช้อุปกรณ์ ของผู้หญิงนั่นเองเป็นอุปกรณ์ช่วยประกอบการกระทำผิด เช่น เข็มขัด ลูกกุญแจ กระจกส่อง

- 70% เลิกล้มความตั้งใจหากผู้หญิงคนนั้นจ้องหน้าเขาแล้วเริ่มต้นสนทนาสั้นๆกับเขา ก่อน ขณะที่เขาเข้าประชิดตัว เช่น โทษค่ะ กี่โมงแล้ว

สิ่งที่คุณต้องทำคือ รีบหาอาวุธให้เร็วที่สุด ได้แก่ ไม้ ก้อนหิน ปากกา
คัต เตอร์ สเปรย์ ปืน ฯ ถ้าไม่มีจริงๆก็ส้นตรีนนี่แหละ ถีบเข้าไปที่บริเวณต่อไปนี้

- ที่เดิม (นั่นแหละ) แต่ส่วนใหญ่จะทำไม่ได้เพราะคนร้ายมักจะกุมไว้
- หน้าแข้งหรือกลางแสกหน้า คนตัวโตๆตายเพราะส้นตรีนผู้หญิงๆมีเยอะ ยิ่งใส่ส้นสูงด้วย อู๊ย....
- กกหู ขมับ ทุบรัวๆเลยคับ(ไม่แนะนำท้ายทอยหรือคาง เพราะโดนยาก)
- ถ้ามีก้อนหินโตๆ ทุบกลางหน้าแข้งเลยครับ รับรองเดี้ยง ร้องลั่น
- ที่สุดท้าย อาจจะโหดหน่อยแต่ถ้าทำได้ เวิร์คแน่นอน ทุบ"นิ้วเท้า" โดยเฉพาะนิ้วเล็กๆตั้งแต่นิ้วกลางถึงนิ้วก้อยนี่ล่ะ ทุบผั่วะเข้าไป


วิธีป้องกันตัวหาก โดนหื่นลากลงข้างทาง

1. ร้อยละ 90 ผู้หญิงหมดสิทธิ์ใช้ศิลปะป้องกันตัวเพราะคนร้ายจะซุ่มรอทีเผลอ ที่โดนบ่อยๆคือล็อคแขนไขว้หลัง มืออุดปากแล้วกระชากหรือลากเข้าข้างทาง ถ้าคนร้ายเตรียมตัวมาดี ก็จะมีอาวุธจี้ไม่ให้เหยื่อขัดขืน แน่นอนว่าน้อยคนที่เห็นมีด ปืนแล้วจะกล้าใช้วิชาที่เรียนมา

2. เมื่อโดนลากเข้าข้างทาง คุณก็จะโดนต่อยท้องเพื่อให้จุกจนไม่มีแรงดิ้น และตบปากหรือต่อยหน้า เพื่อให้กลัว,เจ็บหรือกึ่งๆหมดสติ จากนั้นถ้า
คนร้ายหื่นแบบชาญฉลาดก็จะ หาของมาอุดปากคุณไว้ ถ้าคุณนุ่งกระโปรงมา มันอาจถอด ก.ก.น. มาอุดปาก...ซวยแท้ๆ

3. เมื่อคนร้ายเห็นคุณไม่มีแรงดิ้น ก็จะทำการถลกส่วนล่างคุณออก
โดยท่าที่นิยมคือนั่งคร่อมเอว เอาเข่ากดแขนส่วนบนคุณไว้ ทำให้
ไม่มีแรงมากพอจะผลักแถมยังจุกอยู่อีก ต่างหาก

4. จากนั้นเมื่อฐานยิงโล่งโจ้ง คนร้ายก็จะงัดจรวดออกมาเตรียมปฏิบัติการ
จังหวะนี้ถ้าคุณโชคดียังมีสติ อยู่ให้พยายามเซฟแรงไว้รอข้อต่อไป

5. เมื่อคนร้ายพยายามสอดใส่ ให้คุณรวบรวพลังที่มี"ขมิบ" ไว้ครับ
ตะบองแข็งหรือจะสู้แรงโล่เนื้อคน ร้ายก็จะเริ่มเสียสมาธิเพราะจ้องจะลงรูอย่างเดียว ให้คุณอาศัยจังหวะนี้ซึ่งคนร้ายมักจะเผลอลืมกดแขน
คว้าลูกป๋องแป๋งเลย คับ โดนลูกเดียวไม่เป็นไร อย่าตกใจปล่อยมือเพื่อ
กำใหม่ ให้ได้ 2 ลูก
จาก นั้นบีบให้เต็มที่เลยคับ เอาเล็บจิกด้วยยิ่งดี ร้อยทั้งร้อยไม่มีใคร
คิด จะฆ่าคุณในตอนนี้หรอก รับรองร้องเสียงหลง ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง

6. หลังจากนั้น อ๊ะๆ อย่าเพิ่งคิดหนี พิจารณ าดูคนร้ายให้ดีก่อน ประเมินสถานการณ์ว่า ที่เราทำไปหยุดมันได้หรือยัง

ผู้หญิง ส่วนใหญ่ไม่ตายตอนโดนข่มขืนแต่จะมาตายตอนนี้ล่ะ เพราะจะหนีอย่างเดียว ตัวเองก็วิ่งไม่ไหว คนร้ายก็ยังลุกขึ้นมาตามทุบหัวเอาได้ ดังนั้นหากเห็นว่าคนร้ายหมดสภาพแน่ๆและชุมชนอยู่ไม่ไกลจึงค่อย หนี

7. ทีนี้ถ้าคนร้ายแค่เสียจังหวะคืออาจจะลงไปนอนงอก่องอขิงอยู่แป๊บเดียวและมีที ท่าจะลุกขึ้นมา

อย่าใจ อ่อน เอาให้เละไปเลย ถ้าทำดีคนร้ายอาจจะเจ็บถึงสลบ

ตั้งกระทู้ คำแรกที่ทักทาย บอกอะไรคุณได้บ้าง



เวลาคุณรับโทรศัพท์ คำแรกที่คุณทักทาย รู้มั้ยว่านำมาทายนิสัยตัวเอง

และคนอื่นกันได้ค่ะ

รับ แล้วบอกชื่อตัวเอง : เป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ชอบปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไร้ประโยชน์

และ ยังเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ต่างๆ ชอบแสวงหาประสบการณ์ชีวิต


รับแล้วถามธุระทันที :
เป็นคนค่อนข้างใจร้อน เมื่อคิดจะทำอะไรก็จะลงมือทำทันที ไม่มีรีรอให้เสียเวลา

บุคลิกภายนอกดูเย็นชา แต่ตัวตนที่แท้จริงแล้วเป็นคนซื่อๆ ชอบคนเอาอกเอาใจ


รับอย่างเป็นทางการ
เช่น บอกเบอร์โทรศัพท์และชื่อตัวเองเป็นคนที่มีระเบียบ ให้ความสำคัญแก่ครอบครัว

และคนใกล้ชิด ชอบใช้ชีวิตในกรอบ ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงและเสี่ยงภัย


รับแล้วถามว่ามีอะไรให้รับ ใช้ :
เป็นคนมองโลกในแง่ดี ใจกว้าง ชอบความสะดวกสบาย ไว้ใจคนง่าย

ชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่ก็เป็นคนที่มีอารมณ์เปราะบาง


รับแล้วพูดติดตลกแสดงว่า :
เป็นคนที่มองโลกในแง่ดี ชอบใช้ชีวิตที่สนุกสนาน มีบุคลิกที่ดูอบอุ่น

น่าคบหา เปิดเผย และใจกว้าง


รับแล้วถามว่าสบายดี มั้ย :
เป็นคนอ่อนโยน ใจดี มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นๆ มองโลกในแง่ดี

ไม่ชอบการทะเลาะเบาะแว้ง เป็นคนเก็บอารมณ์เก่ง


ทักทายธรรมดา
เช่น สวัสดี หรือฮัลโหล มักเป็นคนที่มีบุคลิกง่ายๆ ไม่ชอบการโอ้อวด หรือทำตัวโดดเด่น

เป็นคนที่ไว้วางใจได้เมื่อมอบหมายงานให้ทำ มีความอดทนสูงในเรื่องของการเรียนรู้

ที่มา:www.siamdara.com

7 สูตรพอกหน้า จากทั่วโลก

สำหรับใครที่อยากจะมีใบหน้าสวยใส วันนี้เรามีสูตรการพอกหน้าแบบพิเศษ ที่สรรหามาจากทั่วโลกให้คุณได้บำรุงผิวหน้าของคุณ ให้คุณมีผิวที่ขาวใส รับรองว่าสูตรจะทำให้คุณกลายเป็นสาวที่มีสุขภาพดี สดใสแน่นอนคะ ไปลองทำกันเลยค้า

emotionemotionemotion

แบบที่ 1 พอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง (ประเทศสเปน)
วิธีการ : ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้งแล้วใช้ปลายนิ้วแตะน้ำผึ้งลูบไล้บนใบหน้าและลำคอเบาๆ สักครู่ แล้วนวดหน้าด้วยปลายนิ้วอย่างแผ่วเบาประมาณ 5 นาที จนน้ำผึ้งเหนียว นวดต่อไปไม่ได้แล้ว ก็ปล่อยทิ้ง ไว้ประมาณ 10-15 นาที ระหว่างนั้นให้นอนพัก ศีรษะอยู่ต่ำกว่าระดับปลายเท้า เพื่อให้เลือดไหลมาหล่อเลี้ยง ที่ใบหน้าและลำคอได้สะดวกยิ่งขึ้น เมื่อครบเวลาแล้วก็ค่อยๆ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดน้ำผึ้งออก ให้สะอาด เป็นอันเสร็จพิธี

แบบที่ 2 พอกหน้าด้วยแอปเปิ้ล (ประเทศเบลเยี่ยม)
วิธีการ
: ปอกแอปเปิ้ล คว้านเอาไส้และเมล็ดออก บดให้ละเอียด ขณะที่บดให้ผสมน้ำผึ้งลงไปด้วย เมื่อบด จนเข้ากันดีแล้ว นำเอาส่วนผสมนี้มาพอกหน้าทิ้งไว้ 20 นาที แล้วใช้นมสดเย็นๆ ล้างออก

แบบ ที่ 3 พอกหน้าด้วยแตงโม (ประเทศตุรกี)
วิธีการ : ฝานแตงโมเป็นชิ้นบางๆ จากส่วนที่แดงที่สุด นำมาแปะให้ทั่วใบหน้า แล้วใช้ผ้าขาวบางคลุมหน้าไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น

แบบที่ 4 พอกหน้าด้วยไข่ขาว (ประเทศสวิตเซอร์แลนด์)
วิธีการ
: ต่อยไข่ไก่ 1 ฟอง แยกไข่แดงออกเทเฉพาะไข่ขาวลงในถ้วย ใช้ส้อมตีไข่ขาวจนเป็นฟองพอสมควร แล้วใช้แปรงขนนุ่ม จุ่มไข่ขาวทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จนไข่ขาวเริ่มจับตัวแข็ง แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น

แบบที่ 5 พอกหน้าด้วยน้ำมะนาวและน้ำผึ้ง (ประเทศฝรั่งเศส)
วิธีการ : ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน แล้วนำมาทาให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น

แบบ ที่ 6 พอกหน้าด้วยมะเขือเทศ (ประเทศญี่ปุ่น)
วิธีการ
: ฝานมะเขือเทศ 1 ชิ้นหนาๆ ถูให้ทั่วใบหน้าและลำคอเบาๆ ตรงบริเวณที่มีสิวเสี้ยน มะเขือเทศมี วิตามินซีและกรด AHA จะช่วยลอกผิวหน้าที่ตายแล้วให้หลุดออกได้ หลังจากนั้นจึงค่อยใช้สำลีชุบน้ำเย็น เช็ดมะเขือเทศออกให้สะอาด

แบบที่ 7 พอกหน้าด้วยนมเปรี้ยว (ประเทศรัสเซีย)
วิธี การ
: สำหรับผู้ที่มีผิวหน้ามัน ล้างหน้าให้สะอาดก่อนจะเอานมเปรี้ยวที่แช่เย็นจัดพอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีหรือนานกว่านั้น แล้วใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ เช็ดออก ตำรานี้จะใช้ได้ผลดีมากในหน้าร้อน เพราะจะช่วยให้ ใบหน้าที่ซีดเซียวกลับเปล่งปลั่งขึ้นได้ จะเห็นว่าสูตรหน้าที่กล่าวมาทั้งหมด ทำได้ง่ายๆ จากของใกล้ๆ ตัวอันมาจากธรรมชาติโดยเฉพาะ ลองเลือก ใช้สูตรใดสูตรหนึ่งดู แล้วแต่คุณถนัดหรือพอจะหาวัตถุดิบได้

รับรองว่าใบหน้าขาวสวยใสคงอยู่ ไม่ไกลเกิน เอื้อมแน่นอนคะ...

โดราเอมอนในประเทศต่างๆ

ดาราเหม็ดทรี : Doramed III

ประเทศ ที่เกิด : อาหรับ
อาชีพ : นักเวทย์มนต์
จุดอ่อน : ว่ายน้ำไม่เป็น
จุด แข็ง: มีเวทย์มนต์
ลักษณะส่วนตัว
เป็นแมวที่รวยคนหนึ่งในอาหรับ เขารู้วิธีการใช้เวทย์มนต์ เมื่อเขาโกรธ เขาจะกลายเป็นยักษ์
เขากลัวน้ำ มากที่สุด (มันก็คล้ายๆ กับโดเรม่อนที่กลัวหนูนั่นแหละ)


โดรานิคอฟ : Doranikov

ประเทศที่เกิด : รัสเซีย
อาชีพ : นักแสดง
จุดอ่อน : กลัวความหนาว
จุดแข็ง: สามารถกลายเป็นหมาป่าเมื่อเห็นวัตถุทรงกลม
ลักษณะส่วนตัว
เป็นนัก แสดงที่มีชื่อเสียง โดเรนิคอฟ เป็นแมวที่ช้ามากๆ ชอบความเป็นส่วนตัว เขามักจะไม่ค่อยพูดมาก
เขามักจะเขียนสิ่งที่เขาต้องการพูดลงในเศษกระดาษ เท่านั้น


โดรานิ นโญ่ : Doraninho

ประเทศที่เกิด : บราซิล
อาชีพ : นักฟุตบอลมืออาชีพ
จุด อ่อน : ด้านความจำ
จุดแข็ง: วิ่งเร็ว
ลักษณะส่วนตัว
เขาเป็นแมว ที่เล่นฟุตบอลเก่งระดับมืออาชีพ และจะเล่นฟุตบอลเกือบทุกวัน เขามีความหวังทางด้านความจำของเขา เขามักจะลืม สิ่งต่างๆ แล้วชอบหัวเราะในสิ่งที่คนอื่นๆ ไม่หัวเราะกันเขาวิ่งได้เร็วมาก สมกับที่เป็นนักฟุตบอลมืออาชีพ


โดราเดอะคิด : Dora The Kid

ประเทศที่เกิด : นิวยอร์ค อเมริกา
อาชีพ : เป็นผู้ช่วยของบริษัท
จุดอ่อน : กลัวความสูง
จุดแข็ง: แม่นปืน
ลักษณะ ส่วนตัว
โดราเดอะคิดมีประโยชน์ และเป็นแมวที่กล้าหาญมาก เขาช่วยให้อเมริกาพ้นจากความหายนะเป็นอย่างมาก
เขาก็ทำงานในบริษัทในยุค ศตวรรษที่ 21


หวัง โดรา : Wang Dora

ประเทศที่เกิด : จีน
อาชีพ : เลขานุการของโรงพยาบาล
จุด อ่อน : ผู้หญิง
จุดแข็ง: การเรียน กังฟู เป็นหมอที่ดี
ลักษณะส่วนตัว
เขา เป็นแมวที่ฉลาด เป็นหมอที่ดีชอบช่วยเหลือผู้อื่น ความสามารถเฉพาะตัวเขาคือกังฟู
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นผู้หญิงเขา มักจะเซ่อซ่า ทำอะไรไม่ถูก



เอล-มาทา โดรา : El matadora

ประเทศที่เกิด : สเปน
อาชีพ : ทำงานในร้านอาหารฟาสฟูด
จุดอ่อน : นอนมากเกินกว่าปกติ เมื่อเขาเหนื่อย
จุด แข็ง: แข็งแรง มีกำลังมาก
ลักษณะส่วนตัว
เขาเป็นแมวที่หล่อ เขาทำงานในร้านอาหารฟาสฟูด เพราะเขามีพลกำลังมากจึงทำจานแตกบ่อยๆ
และเขา ก็โดนเจ้าของร้านดุบ่อยๆ เช่นกัน เป็นนักสู้วัวกระทิง ชอบพิซซ่า และ อาหารสเปนเป็นที่สุด


ประโยชน์ของมือถือ ที่คุณยังไม่รู้

ใคร ที่ใช้โทรศัพท์มือถือ ตั้งใจอ่านดีๆนะคะ อ่านจบแล้วจะรู้ว่ามือถือไม่ได้มีไว้สำหรับ โทรเข้า-โทรออกเท่านั้น

1. หมายเลขสากลฉุกเฉิน 112 ใช้ได้ทั่วโลก ถ้าเกิดเราหลงไปอยู่ในเขตที่ไม่มีสัญญาณเลย แต่มีเหตุด่วนเหตุร้ายให้กด 112 แล้วมันจะหาเบอร์ให้เองอัตโนมัติ แม้แต่เราล็อคปุ่มก็ยังกดเบอร์นี้ได้

2. ใช้ในกรณีที่ลืมกุญแจไว้ในรถ สำหรับรถที่ใช้ Remote Key ถ้ารถล็อคไปแล้ว แต่เรามีกุญแจสำรองอยู่ที่บ้าน ให้โทรไปหาคนที่อยู่ที่บ้านด้วยมือถือ (เราต้องโทรไปหาเบอร์มือถือของเขาด้วยนะ) เมื่อเขารับแล้วให้เราบอกเขา ให้กดปุ่ม unlock บนกุญแจสำรอง ในขณะที่เราถือมือถือ ให้ห่างจากประตูรถประมาณ 1 ฟุต (คน ที่อยู่บ้านที่เราวานให้กด ต้องเอากุญแจไปจ่อใกล้กับมือถือของเขาในขณะที่กดปุ่ม) ประตูรถก็จะเปิดออก เหมือนเรากดปุ่มรีโมทด้วยตัวเอง ระยะทางไม่มีปัญหา แม้รถกับบ้านจะอยู่ห่างกันเป็นร้อยๆ กม. ก็ตาม

3. กรณีแบ็ตใกล้จะหมด *3370# สำหรับมือถือ Nokia ถ้าเกิดถ่านเหลือน้อยเต็มที จนใกล้ดับแต่เราจำเป็นต้องโทรออกให้กด * 3370# มันจะรีดพลังสำรองที่ซ่อนออกมาแล้วแสดงให้เห็นว่า เพิ่มพลังถ่านให้ขึ้นมาอีก 50% และ มันจะชดเชยส่วนสำรองนี้ในการชาร์จแบตครั้งต่อไป

4. ถ้าโทรศัพท์หายต้องการทำให้ใช้ไม่ได้ตลอดไป ในกรณีนี้เราต้องใช้ หมายเลข serial number ประจำเครื่อง ซึ่ง มี 15- 17 หน่วย การที่จะทราบหมายเลขนี้ กด * #06# แล้วหมายเลขประจำเครื่อง ก็จะขึ้นมาให้เห็นทันทีเหมือนเล่นกล จดไวแล้วเก็บไว้ให้ดี …. ที่นี้ถ้ามือถือหายหรือตกหล่น ให้ โทรไปที่ศูนย์ แล้วแจ้งหมายเลขให้เขาไป เขาก็จะบล็อคเครื่องของเราให้ แล้วทีนี้มือถือที่หายไปจะใช้ไม่ได้ อีกเลย ถึง แม้ว่าคนขโมยไปจะเปลี่ยน sim card มันก็จะยัง ใช้ไม่ได้อยู่ดี

วันอังคารที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2553