วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

นิสัยผู้ชายยุโรป


หนุ่มอเมริกัน

หนุ่มอเมริกันนั้นมีนิสัยค่อนข้างหลากหลาย รวมทั้งประกอบอาชีพก็หลากหลายด้วยเช่นกัน คือทำได้หมดทุกอย่าง ชอบเฮฮาปาร์ตี้แบบเฮไหนเฮนั่น เป็นคนชอบเปิดเผย พูดตรง แต่ก็ไม่เคยลืมหน้าที่หัวหน้าครอบครัวที่ดี มีความรับผิดชอบสูง ตรงต่อเวลา อันนี้เป็นคุณสมบัติเด่นของพ่อหนุ่มผมทองอยู่แล้ว


หนุ่มออสซี่

หนุ่มออสซี่จะมีนิสัยคล้ายหนุ่มอังกฤษมากที่สุด เด่นๆคือ ความตระหนี่ จะจ่ายเงินทีคิดแล้วคิดอีก แต่ข้อดีเค้าก็มีเหมือนกัน คือเป็นคนตั้งอกตั้งใจทำงาน ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักประกอบอาชีพนักธุรกิจเป็นหลัก ไม่ค่อยคิดมาก จนบางครั้งอาจดูไม่ค่อยแคร์ และเลยไปถึงไม่ค่อยแฟร์ด้วย


หนุ่มอังกฤษ

เมืองผู้ดี ขึ้นชื่อว่าเมือง ผู้ดีอังกฤษ หนุ่มอังกฤษจึงเป็นพวกผู้ดีสมชื่อ สุขุมนุ่มลึก ดูดีมีสกุล ไม่ค่อยทำตัวขี้เล่นให้เสียฟอร์มเป็นอันขาด ผู้ชายอังกฤษมักเป็นพวกซีเรียส จริงจังกับชีวิตมาก ดังนั้นบุคลิก แบบหนุ่มๆไทย คารมเป็นต่อรูปหล่อเป็นรองที่จะทำให้สาวๆ ขำกลิ้งจนระทวยนะไม่มีทางพบเห็นในหนุ่มอังกฤษนักหรอก สาวๆทั้งหลายมั่นใจได้เลยว่าหนุ่มอังกฤษจะไม่สำมะเลเทเมาเละเทะ ให้เห็นอย่างแน่นอน


หนุ่มฝรั่งเศส

หนุ่มฝรั่งเศสมีดีตรงที่มีความรับผิดชอบสูงไม่แพ้ชาติใด และด้วยบรรยากาศในประเทศที่สุดแสนจะโรแมนติกจึงทำให้หนุ่มหล่อเมืองดินแดนน้ำหอมนี้ซึมซับความโรแมนติกมาไว้เป็นนิสัยแบบเต็มๆ ผู้ชายฝรั่งเศสจะพิถีพิถันมากในเรื่องการแต่งตัว ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม ต้องดูดีตลอด บางครั้งของใช้อาจไม่ต้องแพง แต่ต้องดูดีมีสกุล แต่ไม่ได้หมายความว่าหนุ่มฝรั่งเศสจะฟุ่มเฟือยไปซะหมด


หนุ่มเยอรมัน

หนุ่มเมืองเบียร์ยังมีนิสัยตรงไปตรงมาราวกับไม้บรรทัดเหล็ก จริงใจไม่จิงโจ้ เทกแคร์(สาวๆ) ดีมาก ไม่ชอบเอาเปรียบใคร และไม่ชอบให้ใครมาเอาเปรียบด้วย นอกจากนี้หนุ่มเยอรมันยังมีความรอบคอบในการใช้เงินสูง รู้จักเก็บ รู้จักใช้ และมีการวางแผนชีวิตที่น่านับถือ ดังนั้นสาวๆ มั่นใจได้เลยว่าชีวิตคู่กับหนุ่มเยอรมันจะไม่มีคำว่ากัดก้อนเกลือกินแน่


หนุ่มสวิส

ปกติแล้วพื้นฐานนิสัยของหนุ่มสวิส นั้นมักจะสนใจแต่เรื่องตัวเองเป็นหลัก ไม่ค่อยสนใจชาวบ้านชาวช่องว่าใครเป็นใครบ้าง และในขณะเดียวกันก็ไม่ค่อยอยากให้ใครมายุ่มย่ามในชีวิตส่วนตัวด้วยเช่นกัน ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องธรรมดาของคนฝรั่งที่เค้านิยมอยู่แบบตัวใครตัวมันอยู่แล้ว หนุ่มสวิสส่วนมากมักประกอบอาชีพอิสระ ไม่ชอบเป็นลูกจ้างใคร แต่เป็นคนเจ้าระเบียบ ทำอะไรต้องมีระบบไปหมด เช่น เขาจะมีการวางแผนการใช้เงินแต่ละเดือนอย่างครบถ้วนมีกฎเกณฑ์ในการให้เงินเมีย คิดรวบยอดให้เสร็จสรรพว่าเมียควรใช้เท่าไหร่ และตัวเขาควรใช้เท่าไหร่ในแต่ละเดือน


หนุ่มอิตาลี

หนุ่มอิตาเลี่ยนมักเป็นพวกจริงจัง มุ่งมั่นขยันขันแข็ง และถ้าศึกษานิสัยให้ดีแล้วจะรู้ว่านิสัยใจคอของชาวอิตาเลี่ยนนั้นดีมาก คุยตลก สนุกสนาน เป็นกันเอง พูดจาเสียงดัง คุยกันทีเหมือนจะทะเลาะกัน... คนอิตาลีจะเน้นเรื่องการกิน อยู่ หลับ นอน เป็นหลัก เพราะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตที่จะละเลยไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องอาหาร เขาจะพิถีพิถันเน้นเป็นพิเศษ ถึงหนุ่มอิตาลีจะหน้าตาเข้มข้นหวานมัน แต่เขาก็ไม่ค่อยชอบอาหารรสหวานเท่าไรนัก ส่วนเรื่องที่หลับที่นอนก็ไม่แพ้กัน ต้องสะดวก สะอาด สบาย


หนุ่มสวีเดน

ชาวสวีเดนนั้นจะยึดถือเรื่องครอบครัวเป็นหลักเหมือนคนไทย เนื่องด้วยเขาสืบทอดวัฒนธรรมนี้มาจากบรรพบุรุษ การดูแลครอบครัว รักเพื่อนพ้อง ญาติมิตรจึงเป็นเรื่องที่เขาไม่มองข้าม ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเขาอาจจะไม่ได้เทคแคร์ดูแลพ่อแม่มากเท่า คนไทย หนุ่มสวีดิชเป็นพวกรักเมีย และแคร์ครอบครัวของเมียไม่น้อยเช่นกัน ถือว่าคนสวีเดนเป็นชาวยุโรปที่ใช้ภาษาอังกฤษดีที่สุดพอๆกับชาวฮอลแลนด์ และเป็นคนชาติเดียวในยุโรปที่มีลักษณะนิสัยคล้ายคลึงกับชาวเอเชียมาก


หนุ่มฮอลแลนด์

แดนทิวลิป เป็นผู้ชายอีกประเทศหนึ่งที่ใส่ใจครอบครัว เขาจะมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวสูง ให้ความสำคัญกับลูกเมีย แต่เมียอาจไม่ได้สบายนั่งๆ นอนเหมือนอย่างที่คิด เพราะต้องช่วยกันทำมาหากินตามความเหมาะสม ถ้าไม่ทำงานนอกบ้านก็ต้องทำหน้าที่แม่บ้านที่ดีไม่ให้ขาดตกบกพร่อง แต่ที่ขึ้นชื่อที่สุดของชาวดัตช์คือ ความขี้เหนียว ส่วนนิสัยอื่นๆก็จะเหมือนๆกับชาวยุโรปทั่วไปคือ เป็นคนมีน้ำใจ อัธยาสัยดีมีมนุษย์สัมพันธ์


หนุ่มนอร์เวย์

หนุ่มนอเวย์เป็นประเทศหนึ่งในโลกที่น้ำแข็งปกคลุมตลอดทั้งปี ดังนั้นหนุ่มๆ แดนไวกิ้งทั้งหลายจึงจัดว่าเป็นคนเย็นชา ไร้อารมณ์ เหมือนสภาพบ้านเกิด แต่ผิดถนัด เย็นชาแต่ก็ใช่ว่าจะเฉยชา เฉยเมย แต่เพียงเพราะเขาไม่ชอบแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออ กมา แบบว่ารักนะแต่ไม่แสดงออกนะใช่เลย และถ้าว่างเมื่อไหร่หนุ่มๆนอร์เวย์ทั้งหลายก็จะออกไปสังสรรค์กั บเพื่อนฝูงกินเหล้าแก้หนาวกันซักหน่อย หรือบางทีก็แพ็คกระเป๋าออกตะลอนทัวร์ไปหาไออุ่นยังต่างประเทศ แบบแบกเป้ใบเดียวเที่ยวได้ทั่วโลก เขาจะชอบเป็นชีวิตจิตใจ


หนุ่มเดนมาร์ก

ว่าไปแล้วผู้ชายเดนมาร์กเป็นพวกอารมณ์ดี มีความสุขตลอดเวลา จัดอยู่ในเกณฑ์ยิ้มง่าย ยิ้มอยู่นั่นแหละ และมีอารมณ์ขัน...ส่วนใหญ่จะรักสันติ หลีกเลี่ยงการปะทะหรือการเผชิญหน้า รักความสนุกสนาน เลยไม่ค่อยพลาดงานเฮอาปาร์ตี้เท่าไหร่ และที่สำคัญคือรักธรรมชาติมากๆ จนถือได้ว่าพี่แกเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตัวยงเลยทีเดียว


หนุ่มเบลเยี่ยม

สุภาพและเป็นมิตร มีอัธยาศัยดี ชอบผูกมิตรกับคนรอบข้าง และยินดีที่จะคุยกับเราแม้ว่าภาษาอังกฤษเราจะ สเนคๆ ฟิชๆ (งูๆปลาๆ)แค่เขารู้ว่าเราพยายามที่จะพูดให้เขาเข้าใจ เขาก็พร้อมที่จะรับฟังและแปลภาษามือภาษาไม้ที่เราส่งไปให้แล้ว ซึ่งนับว่านิสัยผู้ชายเบลเยี่ยมนั้นเปรียบเสมือนหนังสติ๊กที่สามารถยืดได้หดได้ ยืดหยุ่นตามสถานการณ์จะพาไป เรื่องความขยันเอาการเอางานก็ไม่แพ้ชาติไหนแน่ โดยเฉพาะเรื่องเกมส์การค้าขาย เขาก็ไม่เป็นสองรองใครอีกต่างหาก


หนุ่มสเปน

หนุ่มสเปนมีนิสัยเป็นกันเอง ตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมให้เสียอารมณ์ ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ เป็นคนง่ายๆ สบายๆ ด้วยความที่เป็นคนเคร่งศาสนาจึงส่งผล(ดี) ให้หนุ่มๆ ชาวสเปนไม่ค่อยทำตัวเหลวไหล ออกนอกกรอบ ไม่กล้าออกนอกลู่นอกทาง รักครอบครัว รับผิดชอบ ซื่อสัตย์ต่อภรรยา


หนุ่มแคนาดา

แคนาดาเป็นอีกประเทศหนึ่งที่เป็นเหมือนเบ้าหลอมของความหลากหลายชนชาติ แตกต่างวัฒนธรรม อันได้แก่ อังกฤษ อเมริกา และฝรั่งเศส ฯลฯ ดังนั้นสังคมของประเทศแคนาดาเลยมีส่วนผสมของชนชาติต่างๆ มากมายเต็มไปหมด ซึ่งแม้แต่คนแถบเอเชียเอง อย่างเช่น ฟิลิปปินส์ จีน อ่องกง อินเดีย หรือ ปากีสถาน ฯลฯ ก็เก็บข้าวของไปตั้งรกรากและทำงานที่แคนาดากันมากมาย
ดังนั้นเราจึงไม่สามารถเจาะจงได้แน่ชัดว่าหนุ่มหนุ่มๆ แคนาดาจะมีนิสัยยังไงกันแน่ ขึ้นอยู่กับว่าหนุ่มหน้ามนคนนั้นพำนักอาศัยใกล้ชิดฝั่งใดมากกว่า หรือต้องสังเกตว่าเขาซึมซับนิสัยของชนชาติอะไรมาไว้ในตัวมากที่สุด

ลักษณะนิสัยของชาวตะวันตก


คนไทยมีความเชื่อว่า ชาวตะวันตกมีนิสัยที่เรียกว่า "ตัวใครตัวมัน" ไม่เหมือน "น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า" เพราะประเทศทางแถบตะวันตกหนาว

และมีสี่ฤดูรวมทั้งต้องทำงานอย่างรวดเร็วด้วย จึงมีคำกล่าวไปทั่วทั้ง ทวีปอเมริกา ยุโรป และ ออสเตรเลียด้วยว่า "Help yourself" แปลว่า บริการตนเอง


ด้วยเหตุนี้ พวกชาวตะวันตกจึงมีลักษณนิสัยไม่เหมือนชาวเอเชีย ที่สำคัญคือ ชาวตะวันตกมีวัฒนธรรมที่แตกต่างจากชาวเอเชียด้วย เมื่อเขามีครอบครัวจะแยกทางจากพ่อแม่ไป เมื่อตอนเด็กพ่อแม่จะสอนให้ลูกกล้าเผชิญความไม่แน่นอน


ด้วยเหตุนี้ชาวเอเชียบางคนจึงเข้ากับคนตะวันตกไม่ได้ ส่วนนิสัยคนในแต่ละประเทศจะคล้ายคลึงกัน


โดยชาวอังกฤษและชาวฝรั่งเศสมีว่า ผู้ดี โดยเฉพาะชาวอังกฤษมีการสอนให้เป็นผู้ดี เครื่องแบบในโรงเรียนมีเครื่องสูท หมวก กางเกงขายาว เพื่อให้มีความเป็นสุภาพบุรุษ ส่วนทางฝรั่งเศสไม่ค่อยจะเคร่งครัดเท่าไหร่ แต่จะมีธรรมเนียมการนอนกลางวัน


ชาวสเปนจะเป็นพวกทะนงตน บางครั้งในสายตาคนเอเชียมองว่า "บ้าบิ่น" จากการแข่งมาทาดอร์ และนิสัยไม่เป็นระเบียบของคนสเปน มีผลทำให้ชาวเม็กซิโกมีนิสัยตามไปด้วย


ชาวอเมริกาจะมีนิสัยที่เปิดกว้างใครจะทำอะไรก็ได้ และกฎหมายเข้มงวด เป็นต้น คนตะวันออกส่วนใหญ่จะปรับตัวไม่ได้ และเกิดอาการ คิดถึงบ้านขึ้นมา (Home Sick)เมื่ออยู่ต่างบ้านต่างเมืองค่ะ

วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

6 สิ่งปลูกสร้างที่น่าสนใจของประเทศจีน

1. สนามบินนานาชาติปักกิ่งกำหนดสร้างเสร็จปี 2007 สนามบินโฉมใหม่ที่มีขนาดกว่า 1 ล้านตารางเมตร ซึ่งใหญ่กว่าเพนตากอน ของสหรัฐอเมริกานี้ เป็นฝีมือของผู้ออกแบบสนามบินเช็กแลพก๊อกของฮ่องกงด้วย นั่นคือ Foster & Partners สถาปนิกนักเดินทาง ที่เข้าถึงจิตใจผู้โดยสาร ด้วยการออกแบบทางเดินแต่ละส่วนให้สั้นที่สุด

ฟอสเตอร์ ได้แบ่งอาคารที่กว้างขว้างใหญ่โตของสนามบินนานาชาติปักกิ่งออกเป็น 2 ข้าง ทอดตัวจากทิศใต้ไปสู่ทิศตะวันออก เพื่อช่วยลดไอร้อนจากแสงอาทิตย์ แต่ติดสกายไลท์ให้แสงแดดละมุนละไมได้ฉายส่องเข้ามา พร้อมทั้งใช้นวัตกรรมใหม่ที่ช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนภายในตัวอาคาร


2.ศูนย์กลางการเงินของโลกที่เซี่ยงไฮ้กำหนดสร้างเสร็จปี 2008ศูนย์กลางการเงินแห่งใหม่ของโลก กำลังจะอุบัติขึ้นที่มหานครเซี่ยงไฮ้ ที่เขตการเงินหลู่เจียจุ้ย ในเขตผู่ตง ในรูปโฉมของตึกกระจกสูงเสียดฟ้า 101 ชั้น
Kohn Pedersen Fox Architects ผู้ออกแบบเล่าว่า การสร้างให้ตึกต้านทานแรงลมได้ ถือเป็นความท้าทายของงานนี้ ในที่สุด จึงได้ออกแบบให้ยอดตึกเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า พร้อมเจาะช่องตรงชั้นที่ 100 ซึ่งนอกจากจะปรับเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในโลกแล้ว ยังสามารถบรรเทาแรงลม ลดการแกว่งตัวไปมาของตัวตึกได้ด้วย


3.สระว่ายน้ำแห่งชาติ – ปักกิ่งกำหนดเสร็จปี 2008สระว่ายน้ำแห่งชาตินี้ สร้างขึ้นสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008 โดยมีรูปลักษณ์เหนือจินตนาการคล้าย “ก้อนน้ำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่” ซึ่ง PTW and Ove Arup ออกแบบโดยใช้วัสดุเทฟลอนทำเป็นโครงร่าง เน้นใช้พลังงานแสงอาทิตย์ โดยจะนำมาใช้เดินเครื่องกรองน้ำเสียของสระ

น้ำที่ใช้เติมในสระจะถูกกักเก็บไว้ในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ฝั่งไว้ใต้ดิน นอกจากนั้น เพื่อให้ดูเหมือนน้ำที่สุด สถาปนิกยังใช้เทคโนโลยีจากงานวิจัยของนักฟิสิกส์จาก Dublin’s Trinity College ที่สามารถทำให้กำแพงอาคารดูเหมือนฟองน้ำที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนอกจากจะทำสระว่ายน้ำแห่งแดนมังกรนี้ดูดีเป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังสามารถต้านทานกับแรงสั่นสะเทือนอันเกิดจากแผ่นดินไหวได้ด้วย



4.สถานีโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งชาติ (CCTV) – ปักกิ่งกำหนดสร้างเสร็จปี 2008อาคารสำนักงานใหญ่ของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี มีรูปลักษณ์ที่แหวกแนวไปจากตึกระฟ้าทั่วไป โดยเกิดจากสองอาคารที่ตั้งมุมฉากต่อเข้าหากัน มองดูเหมือนอุโมงค์ขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยกระจายแรงลมที่ปะทะกับตึกได้เป็นอย่างดี ตึกใหม่นี้ออกแบบโดย Rem Koolhass และ Ole Scheeren ส่วนวิศวกรผู้คุมงานก่อสร้างคือ Ove Arup




5.Linked Hybid – ปักกิ่งกำหนดสร้างเสร็จปี 2008สถาปัตยกรรมแห่งที่อยู่อาศัยสมัยใหม่ Linked Hybid เป็นที่ตั้งของบ้าน 2,500 หลัง อพาร์ทเม้นท์ 700 ห้อง บนเนื้อที่ขนาด 1.6 ล้านตารางฟุต ถือเป็นตึกใหญ่สุดในโลกที่มีใช้ระบบชีวภาพในการทำความเย็นและให้ความอุ่น เพื่อรักษาอากาศทั้ง 8 ตึกให้คงที่ ในชั้นที่ 20 สร้างเป็นวงแหวน ‘บริการ’ ที่เชื่อมต่อกันทุกตึก ครบครันด้วยบริการต่างๆ ทั้งซักผ้ายันร้านกาแฟ

Steven Holl และ Li Hu ยังออกแบบให้ ฝั่งท่อน้ำสองสายลึกลงไปใต้ดิน 100 เมตร สำหรับให้น้ำไหลเวียนซึ่งเปรียบเสมือนเครื่องกระจายความร้อน และเครื่องทำความเย็นขนาดใหญ่ ที่ไม่ต้องพึ่งพาไฟฟ้าทำน้ำเดือดหรือแอร์ทำความเย็น ขณะเดียวกัน ยังมีระบบบำบัดน้ำเสีย ที่จะรวบรวมน้ำจากห้องครัวและอ่างน้ำทั่วอาคาร มาหมุนเวียนใช้ใหม่ในห้องส้วม



6.เมืองเศรษฐกิจตงถัน – เจียงซู อยู่ระหว่างวางแผน คาดว่าเฟสแรกจะเสร็จปี 2010เมืองเศรษฐกิจแห่งใหม่ของแดนมังกร ออกแบบและพัฒนาโดย ซ่างไห่ อินตัสเทรียล คอร์ป ที่คาดว่าจะมีขนาดเทียบเท่ากับเกาแมนฮัตตัน ตั้งอยู่บนเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของจีน กลางลำน้ำฉางเจียง (แยงซีเกียง) ใกล้กับมหานครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 2040



อย่างไรก็ตาม เฟสแรกของโครงการนี้ จะเรียบร้อยก่อนที่งานเอ็กซ์โปเซี่ยงไฮ้จะเปิดฉากขึ้นในปี 2010 ซึ่งจะมีประชากรราว 50,000 คน เข้าอยู่อาศัยที่นี้ จากนั้นอีก 5 ปี ระบบพิเศษต่างๆ จะเริ่มใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็น ระบบผลิตน้ำบริสุทธิ์ ระบบจัดการน้ำเสีย และการหมุนเวียนพลังงานมาใช้ใหม่ พร้อมด้วยถนนสายใหญ่ที่จะเชื่อตรงสู่นครเซี่ยงไฮ้อย่างสะดวกสบาย

เนื้อเพลง : Way Back into Love


Way Back into Love - ศิลปิน : เฮลลีย์ เบอร์เน็ท

I've been living with a shadow overhead
ฉันอาศัยอยู่กับเงา

I've been sleeping with a cloud above my bed
ฉันหลับไปพร้อมกับปัญหาที่ลอยอยู่บนเตียงของฉัน

I've been lonely for so long
ฉันอาศัยอย่างเดียวดายมานานเกินไปแล้ว

Trapped in the past, I just can't seem to move on
อยู่ติดกับอดีต ดูเหมือนว่า ฉันไม่สามารถที่จะเคลื่อนย้ายมันไปได้

I've been hiding all my hopes and dreams away
ฉันซ่อนความหวังและความฝันทุกๆอย่างให้หมดไป

Just in case I ever need em again someday
ในกรณีนี้ บางวัน ฉันต้องการพวกมันอีกครั้ง

I've been setting aside time
ฉันตั้งเวลาสำรองไว้เรียบร้อยแล้ว

To clear a little space in the corners of my mind
เพื่อที่จะเคลียร์พื่นที่เล็กๆในเสี้ยวหัวใจของฉัน

All I want to do is find a way back into love
ทั้งหมดที่ฉันต้องการคือหาทางที่จะเข้าไปในหัวใจให้ย้อนกลับมา

I can't make it through without a way back into love
ฉันไม่สามารถทำมันได้ เมื่อปราศจากทางที่จะเข้าไปในหัวใจให้ย้อนกลับมา

Oh oh oh
โอ โอ โอ้

I've been watching but the stars refuse to shine
ฉันนั่งเฝ้ามองดูแต่พวกดวงดาวก็ไม่ส่องแสงซักที

I've been searching but I just don't see the signs
ฉันค้นหาแต่ฉันก็มองไม่เห็นร่องรอยอะไรเลย

I know that it's out there
ฉันรู้ มันหายไปจากที่นี่แล้ว

There's got to be something for my soul somewhere
มันจะมีอะไรซักอย่างเกิดขึ้นสำหรับจิตวิญญาณของฉัน

I've been looking for someone to shed some light
ฉันมองหาใครบางคนที่จะให้แสงสว่างกับฉัน

Not somebody just to get me through the night
ไม่ใช่ใครบางคนที่แค่พาฉันผ่านคืนหนึ่งๆไป

I could use some direction
คนที่ฉันสามารถใช้คำสั่งบางอย่างได้

And I'm open to your suggestions
และฉันจะเปิดรับข้อเสนอของคนนั้น

All I want to do is find a way back into love
ทั้งหมดที่ฉันต้องการคือหาทางที่จะเข้าไปในหัวใจให้ย้อนกลับมา

I can't make it through without a way back into love
ฉันไม่สามารถทำมันได้ เมื่อปราศจากทางที่จะเข้าไปในหัวใจให้ย้อนกลับมา

And if I open my heart again
และถ้าฉันเปิดใจอีกครั้ง

I guess I'm hoping you'll be there for me in the end
ฉันคิดว่า ฉันหว้งว่าคุณจะอยู่ที่นั่นสำหรับฉันในที่สุด

oh, oh, oh, oh, oh
โอ โอ โอ โอ โอ โอ้

There are moments when I don't know if it's real
นั่นคือชั่วขณะที่ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นความจริงรึเปล่า

Or if anybody feels the way I feel
หรือทุกๆคนก็รู้สึกเหมือนฉัน

I need inspiration
ฉันต้องการแรงบันดาลใจ

Not just another negotiation
ไม่ใช่แค่การเจรจาต่อรอง

All I want to do is find a way back into love
ทั้งหมดที่ฉันต้องการคือหาทางที่จะเข้าไปในหัวใจให้ย้อนกลับมา

I can't make it through without a way back into love
ฉันไม่สามารถทำมันได้ เมื่อปราศจากทางที่จะเข้าไปในหัวใจให้ย้อนกลับมา

And if I open my heart to you
และถ้าฉันเปิดใจสำหรับคุณ

I'm hoping you'll show me what to do
ฉันหวังว่า คุณจะแสดงให้ฉันเห็นว่าควรทำยังไง

And if you help me to start again
และถ้าคุณช่วยฉันในเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

You know that I'll be there for you in the end
ในที่สุด คุณก็จะรู้ว่าฉันอยู่ที่นั่นสำหรับคุณ

oh, oh, oh, oh, oh
โอ โอ โอ โอ โอ้

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

มาดูชื่อภาษาจีนของคุณกันเถอะ


เข้าเว็บนี้จร้า http://www.mandarintools.com/chinesename.html

ขั้นแรก Given Name :ให้ใส่ ชื่อ จริง เป็นภาษาอังกฤษ

Family name คือนามสกุล

ส่วน Desired Essence of the Name ลักษณะหรืออารมณ์ของชื่อที่เราต้องการ ในที่นี้มีให้เลือก 4 ข้อ เช่น มั่งคั่งร่ำรวย / สวยหล่อ/จิตใจและสติปัญญา สุดท้าย ความกล้าหาญและความเข็มแข็ง จะออกแนวนามธรรมอย่างที่บอกใน ข้อ 2
ต่อไปก็เลือกเพศ

วันเดือนปีเกิด
แล้วกด Get a name
จากนั้นระบบของเว็บจะทำการเลือกชื่อมาให้ โดยจะเลือกที่คล้ายกับเสียงภาษาอังกฤษที่เราป้อนข้อมูลลงไป
ปล. เอามาฝากให้เล่นกันแก้เครียด อย่าจริงจังกับชื่อที่ได้มามากนัก เพราะบางทีมันก็ออกแนวตลกๆ อยู่บ้างเหมือนกัน ก็คงจะอารมณ์เดียวกับเวลาที่ป้อนประโยคให้เว็บแปลภาษานั่นแหละค่ะ มันเป็นคอมพิวเตอร์ ไม่ได้วิเคราะห์ลึกซึ้งเท่าคนหรอกเนอะ
ขอให้สนุกน่ะค่ะ

ความหมายธงชาติเกาหลี



ธงชาติเกาหลีใต้ 태극기 - แทกึกกี ธง ผืนนี้นำมาเป็นสัญญลักษณ์ของชาติครั้งแรกเมื่อเดือน สิงหาคม พ.ศ. 2325 เมื่อคราวที่ข้าราชการกลุ่มหนึ่งเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นและต้องการแสดงความ เป็นเอกราชของเกาหลี คำว่า 태극- แทกึก ก็หมายถึงวงกลม 2 สีตรงกลางผืนธงชาติ สีแดง หมายถึง หยิน ส่วนสีน้ำเงิน คือ หยาง เป็นสัญลักษณ์ ที่ใช้แทนจักรวาล หรือ เป็นตัวแทนพลังของจักรวาลที่ยิ่งใหญ่ที่ให้ความสมดุลแบบตรงกันข้าม แต่กลมกลืนประสานสอดคล้องอย่างสมบูรณ์



สัญลักษณ์ 3 ขีด มี 4 รูป ที่ล้อมรอบอยู่มีความหมายดังนี้

หมายถึง สวรรค์ ฤดูใบไม้ผลิ ทิศตะวันออก ความบริสุทธิ์ แทนน้ำ

หมายถึง โลก ฤดูร้อน ทิศตะวันตก ความยุติธรรม แทนลม


หมายถึง พระอาทิตย์ ฤดูใบไม้ร่วง ทิศใต้ ความเอื้อเฟื้อ แทนไฟ



หมายถึง พระจันทร์ ฤดูหนาว ทิศเหนือ ความรอบรู้ แทนดิน ส่วนพื้นธงสีขาว เป็นตัวแทนของ ความสะอาดบริสุทธิ์ของประชาชนและนำใจที่รักสงบ


ฮันยองฮาเซโย ^^

ความหมายธงชาติจีน


ความหมาย

1.พื้นสีแดง หมายถึง สัญลักษณ์ของการปฏิวัติจีน
2.ดวงดาวสีเหลือง 5 ดวง ซึ่งเรียงกันคล้ายกับลักษณะแผนที่ประเทศจีน หมายถึง ความเป็นหนึ่งเดียวกันของชาวจีนทั้งประเทศ ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งชาติจีน
3.ดาวดวงใหญ่ หมายถึง ผู้นำแห่งกิจการงานทั้งปวง ได้แก่ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งชาติจีน
4.ดาวดวงเล็ก 4 ดวง มีนัยสำคัญหลายประการ ดังที่เจิงเหลียนซง ผู้ออกแบบธงชาติ ได้อธิบายไว้ดังนี้
5.ประชาชนชาวจีนซึ่งขณะนั้นมีราว 400 ล้านคน
6.ชนชั้นหลักทั้ง 4 ในสังคม คือ ชนชั้นกรรมกร ชนชั้นเกษตรกร ชนชั้นนายทุนน้อย (หรือเจ้าของกิจการขนาดเล็ก) และชนชั้นนายทุนแห่งชาติ
7.กำลังสำคัญของประเทศ 4 ฝ่าย ได้แก่ พรรคการเมืองจากมวลชน ประชาชนทุกหมู่เหล่าในสังคม บุคคลจากทุกวงการ ชาวจีนชนเผ่าต่างๆ ทั้ง 56 ชนเผ่าและชาวจีนโพ้นทะเล
8.ประวัติศาสตร์ชนชาติจีนอันยาวนานกว่า 4,000 ปี
9.สีเหลือง หมายถึง ชาวจีนซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มคนผิวเหลือง และประเทศที่มีดินสีเหลืองเป็นผืนแผ่นดินส่วนใหญ่


Japanese culture

การโค้ง
ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "Rei" (เร) หรือ "Ojigi" (โอจิกิ) ชาวญี่ปุ่นไม่นิยมไหว้แบบคนไทย หรือจับมือแบบฝรั่ง แต่จะนิยมโค้งแทนในเวลาที่พบหรือลา ประเพณีการโค้งของคนญี่ปุ่นนับว่าซับซ้อนพอควร เช่น การโค้งควรจะต่ำเพียงไรและโค้งได้นานเท่าไร หรือโค้งเป็นจำนวนกี่ครั้ง และโค้งในโอกาสอะไร เช่น ผู้อาวุโสก้มให้ลึก แต่ถ้าระดับเท่ากันโค้งพองาม นอกจากโค้งเวลาพบกันหรืออำลาจากกันแล้ว สามารถโค้งเมื่อต้องการขอบคุณ การโค้งคำนับแบบยืนแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่การโค้งทักทาย (Eshaku) คือ การทักทายกับผู้ที่สนิทแบบเป็นกันเอง วิธีการคือ ก้มตัวทำมุมประมาณ 15 องศา การโค้งเคารพแบบธรรมดา (Futsuu Rei) คือ การทักทายกับผู้ที่เรารู้จัก หรือพนักงานขายกับลูกค้า วิธีการคือ ก้มตัวประมาณ 45 องศา การโค้งเคารพแบบนอบน้อม (Saikei Rei)คือ การให้ความเคารพกับผู้ใหญ่ ผู้ที่มีอายุมากกว่า หรือเจ้านายที่มีตำแหน่งสูง วิธีการคือ ก้มตัวประมาร 45 องศา กับแนวเส้นตรง

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเกาหลีใต้




ดันกุนและพงศาวดารแห่งต้นกำเนิดของ....เกาหลี


ในราวพันปีมาแล้ว ในยุคที่วานึง บุตรแห่งสวรรค์ปกครองโลกอยู่นั้น มีหมีและเสืออย่างละหนึ่งตัวอยากเป็นมนุษย์มาก ๆ มันจึงสวดมนต์ขอพรต่อวานึงเพื่อประสิทธิ์ประสาทพรนี้ให้แก่มัน วานึงประทับใจ และสงสารสัตว์สองตัวนี้ยิ่งนักที่มันมีความมั่นคงในสิ่งที่มันต้องการ และวานึงก็สัญญาจะแปลงร่างของมันทั้งสอง แต่มีข้อแม้ว่ามันต้องเข้าไปอยู่ในถ้ำมืดเป็นเวลา 100 วัน และดำรงชีพด้วยกระเทียมและผักขมเกาหลีเท่านั้น เมื่อเสือเข้าไปอยู่ในถ้ำ และออกล่าสัตว์ไม่ได้ ความอดทนของมันหมดไปและมันก็เลิกล้มความคิดที่อยากเป็นมนุษย์ ส่วนหมีทนอยู่ในถ้ำได้ถึง 21 วัน และวานึงก็แปลงร่างมันให้เป็นหญิงสาว เมื่อ หมีกลายเป็นหญิงสาวแล้ว มันก็ขอให้วานึงให้หาคู่ครองกับมัน วานึงเห็นว่าหญิงสาวผู้นี้มีความงดงามมาก จึงเข้าพิธีวิวาห์เสียเอง หลังจากนั้นทั้งสองได้ให้กำเนิด บุตรชายชื่อว่า ดันกุน ผู้ซึ่งในภายหลังได้ก่อตั้งอาณาจักรนามว่า โคโชซอน ในปี 2333 ก่อนคริสต์กาล และนี่ก็คืออาณาจักรแรกเริ่มในคาบสมุทรเกาหลี



ชื่อคนเกาหลี

ชาวเกาหลีส่วนใหญ่จะมีชื่อสกุลจำกัดอยู่ในไม่กี่กลุ่มชื่อ เช่น 21% จะมีชื่อสกุลว่า คิม 14% จะมีชื่อสกุลว่า ยี, ลี หรือ รี 8% มีชื่อสกุลว่า ปาร์ค นอกจากนั้นก็มีชื่อสกุลแตกออกไปอีกเช่น ชอย (หรือ แช) เจิง (หรือ ชุง) จาง (หรือ ชาง) ฮัน , ลิม เป็นต้น ชื่อเต็มของชาวเกาหลีก็จะประกอบด้วย ชื่อสกุล 1 พยางค์และชื่อหน้า 2 พยางค์ ชื่อสกุลจะเขียนก่อน สตรีชาวเกาหลีจะไม่เปลี่ยนชื่อสกุลตามคู่สมรส แต่บุตรและธิดาจะใช้ชื่อสกุลของบิดา

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

อังกฤษวันละนิด: double negative


ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าวันนี้เป็นเรื่องของภาษาอังกฤษฉบับภาษาพูดนะคะ อาจจะไม่มีในบทเรียน บ่อยครั้ง เราได้ยินประโยคภาษาอังกฤษจากในเพลง หรือ ภาษาพูดในหนัง ที่บางทีมีการใช้ negative ซ้อนกันสองคำในประโยคเดียว เราก็ควรจะอย่างน้อยทำความเข้าใจไว้ ว่ามันหมายความว่าอย่างไร เช่น

He ain't got no money.

I ain't no holla back girl.

ถ้าเรายึดตามหลักไวยากรณ์ทั่วไป ain't มันก็คือภาษาพูดของ "am not" รวมถึง "is not", "are not", "has not", or "have not" ซึ่งก็คือ ไม่เป็น ไม่อยู่ ไม่คือ ไม่มี นั่นเอง สรุปว่าก็คือ ปฏิเสธ เช่น

You ain't the first ก็คือ You are not the first. เธอไม่ใช่คนแรก

You ain't gonna need it. ก็คือ You aren't gonna need it ซึ่งก็คือ You are not going to need it. เธอ (จะ) ไม่ต้องการมันหรอก ก็คือการปฏิเสธ นั่นเอง

เรื่อง"จริงจริง"ที่ห้ามพูด ในญี่ปุ่น


สาวไทยสองคนกำลังจิบเบียร์ อยู่ที่ผับแห่งหนึ่ง
ของย่านราตรีชื่อดังในเมืองโตเกียว
สาวไทยทั้งสองคุยกันเป็นภาษาไทยด้วยเสียงอันดัง
แข่งกับเสียงดนตรี เธอทั้งสองไม่จำเป็นต้องกังวลว่า
จะมีใครแอบฟังบทสนทนาของเธอ เพราะที่นี่เป็นประเทศญี่ปุ่น
ดังนั้นพูดไทย คุยไทย นินทาไทย ก็คงไม่มีปัญหา

สาวไทยคนที่หนึ่ง: คนนั้นหล่อ"จริง ๆ" เลยเนอะ
สาวไทยคนที่สอง : อืมม หล่อ "จริงๆ" แต่ว่าเป็นผู้ชาย"จริงๆ" หรือเปล่าไม่รู้
เห็นมีข่าวลือว่าเขาเป็นเกย์
สาวไทยคนที่หนึ่ง : ไม่"จริง"มั๊ง
สาวไทยคนที่สอง : "จริง จริง" ฉันเพิ่งอ่านซ้อเจ็ดเวอร์ชั่นญี่ปุ่นเขาเขียนไว้ยังงั้น
...........
หนุ่มญี่ปุ่นโต๊ะข้างๆ นั่งฟังเพลงผสมกับเสียงสาวไทยที่แว่วเข้ามาโดยบังเอิญ
เขาไม่รู้หรอกว่าคนไทยพูดเรื่องอะไร แต่ดูเหมือนในนั้น มีภาษาญี่ปุ่นปนอยู่คำหนึ่ง

เสียงที่เขาได้ยินเป็นดังนี้ #&%# จิงจิง#&%##&%#จิงจิง
หนุ่มญี่ปุ่นอมยิ้ม และ ก็คิดในใจว่า "สาวไทยสองคนนี้ มาผับแห่งนี้โดยมีวัตถุประสงค์
แอบแฝงแเน่เลย"
...
...
*********


สำหรับคนที่ไม่ได้เรียนภาษาญี่ปุ่นก็คงไม่รู้ว่าบทสทนาดังกล่าว
ทำไมเป็นบทสนนาต้องห้ามในสถานที่ชุมชม

ปริศนาก็คือ คำว่า ว่า "จิงจิง" ในภาษาไทย มันแปลแบบน่ารักน่ารัก
ในภาษาญี่ปุ่นว่า "เจี๊ยว" หรือ "องค์ชายน้อย"นั่นเอง

หากสาวไทยคนไหนมาประเทศญี่ปุ่น พูดคำนี้บ่อยเกินไป
อาจมีหนุ่มญี่ปุ่นเดินตามมาโดยไม่รู้ตัวก็ได้นะครับ ต้องระวังนิดนึง

หนุ่มญี่ปุ่นทะเล้นที่พูดภาษาไทยได้ มักจะชอบเรียงภาษาไทยประโยค
ด้านล่างสลับที่สลับทางอย่างที่เห็น

หนุ่มญี่ปุ่น : "คุณชอบจริงจริงผมใช่ไม๊"
สาวไทย : เขินนิดๆ (คิดในใจ เราจะตอบยังไงดีวะ)


ขำๆนะ ^-^

อยากรู้ไหมว่าภาษารัสเซียหน้าตาเป็นงัย


ศัพท์ภาษารัสเซีย

เล็กๆน้อยๆ กับศัพท์รัสเซียน่ารู้ อ่านสนุก


газета - กา-เซ-ตา หนังสือพิมพ์

дом - โดม - บ้าน

писмо - ปิส-โม่ - จดหมาย

книга - คะ-นี-ก้า - หนังสือ


วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ความหมายของคำว่ากอดในหลายๆมุมมอง

เคยสังเกตไหม... เวลาคุณ * " กอด " * ใคร คุณมักซบไปทางด้านซ้ายของอีกฝ่าย อาจเป็นเพราะนั่นคือตำแหน่งที่ตั้งของหัวใจ หากคุณ * " กอด "* เขาไว้นานเพียงพอ จังหวะก ารเต้นของหัวใจ 2 ดวง ก็จะเปลี่ยนเป็นจังหวะเดียวกัน ในที่สุด


*" กอด "* คือเสื้อกันหนาวที่มีหัวใจ ? *Hugging* is a jacket which has a heart.


*" กอด "* คือ การแสดงความเป็นเจ้าของที่น่ารัก ? *Hugging* is a cute expression between lovers.

*" กอด "* คือ การได้ให้และการได้รับพร้อม ๆ กัน ? *Hugging* is at the same time, the giving and receiving.

*" กอด "* ทำให้รู้ว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก ? *Hugg ing* displays that we are not alone in the planet.

ภาษาพูดแทนความรู้สึกได้ดี แต่สำหรับบางเวลา*" กอด "* อาจเป็นตัวช่วยที่ดีกว่า ? Speaking is the good way of feeling communication but sometime *?hug?* might be a better assistance.

*" กอด "* ช่วยสลายทิฐิบางอย่างในใจเรา ? *?Hugging?* disintegrates some conviction in our minds

*" กอด "* คือ ทางสายกลางของการแสดงออกซึ่งความรัก ? *Hugging* is a mind average of expression.




วันนี้คุณกอดใครแล้วหรือยัง ?

Cool Expression for IM


เรามีสำนวนสั้นๆให้คุณได้สนุกสนานไปกับการแชทออนไลน์มากยิ่งขึ้น ตัวย่อต่างๆเหล่านี้จะทำให้สำนวนของคุณฟังดูคูลลลลล์ ... สุดๆไปเลยล่ะ

ASAP = As Soon As Possible : เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
BBFN = Bye For Now: ไปก่อนนะ
BBL = Be Back Later: เดี๋ยวกลับมา (ทิ้งเวลาสักพัก)
BRB = Be Right Back: เดี๋ยวกลับมาแป๊ปเดียว
BTW = By The Way: ว่าแต่ว่า (ใช้เมื่อต้องการจะเปลี่ยนเรื่องคุย)
F2F = Face To Face: ตัวต่อตัว
GFY = Good For You: ดีกับคุณ
GL = Good Luck: โชคดีนะ
GTGB = Got to Go Bye: ต้องไปแล้วล่ะ บาย
IDK = I Don't Know: ฉันไม่รู้
IMO = In My Opinion: ในความคิดเห็นของฉันนะ ...
IOW = In Other Words: หรือเรียกอีกอย่างว่า ...
KIT = Keep In Touch: ติดต่อกันไว้นะ
LOL = Laughing Out Loud: หัวเราะเสียงดัง
LTL = Lets Talk Later: ไว้คุยทีหลังนะ
MAYB = Maybe: อาจจะ
NP = No Problem: ไม่มีปัญหา
NYO = Need Your Opinion: ต้องการความเห็นของคุณ
PLS = Please: ได้โปรดเถอะ
TIA = Thanks In Advance: ขอบคุณล่วงหน้า
TMI = Too Much Info: คุณให้ข้อมูลฉันมากเกินไปแล้ว
TTYL = Talk To You Later: ไว้คุยกันทีหลังนะ
TX = Thanks: ขอบคุณมาก
UKW = You Know Who: คุณก็รู้ว่าใคร
U = You: คุณ
U2 = You Too: คุณก็เหมือนกันนะ
UW = You Wish: คุณหวังว่า
WB = Welcome Back: ยินดีต้อนรับการกลับมา

ACCEPTING THANKS


การกลาวคำขอบคุณเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ สำนวนที่ใช้กันมาก คือ

Thank you. ขอบคุณ
(แธ้งค์กิ้ว)

Thank you very much. ขอบคุณมาก
(แธ้งค์กิ้ว เวรี่ มัช)

Thank you so much. ขอบคุณมาก
(แธ้งค์กิ้ว โซ มัช)

Thanks. ขอบคุณ
(แธ้งค์ส)

Thanks a lot. ขอบคุณมาก
(แธ้งค์ส อะ ลอต)

Many thanks. ขอบคุณมาก
(เมนี่ แธ้งค์)

Thanks so much. ขอบคุณมาก
(แธ้งค์ส โว มัช)

Thanks for your help. ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณ
(แธ้งค์ส ฟอร์ ยัวร์ เฮ่วพ์)

Thanks for everything. ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง
(แธ้งค์ ฟอร์ เอฟวีติง)

It’s very kind of you. คุณใจดีกับฉันมาก
(อิทส เวรี่ คายด์ ออฟ ยู)

It’s very nice of you. คุณช่างดีกับฉันมาก
(อิทส เวรี่ ไนส์ ออฟ ยู)

I appreciate it very much. ฉันซาบซึ้งใจมาก
(ไอ แอพพริชิเอท อิท เวรี่ มัช)

I’m very grateful. ฉันรู้สึกซาบซึ้งมาก
(แอม เวรี่ เกรทฟูล)

I can never thank enough. ไม่รู้จะชอบคุณอย่างไรดี
(ไอ แคน เนเวอร์ แธ้งค์ อีนาฟ)

การตอบรับคำขอบคุณเป็นมารยาทอันดี ควรใช้สำนวน ดังนี้

It’s my pleasure. ด้วยความยินดี
(อิทส มาย เพลสเชอร์)

You’re welcome. ยินดี
(ยัวร์ เวลคั่ม)

Not at all. ไม่เป็นไร
(นอทท์ แอท ออล)

Don’t mention it. ไม่เป็นไร
(ด๊นท์ เมนชั่น อิท)

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สหรัฐประณาม ผู้ก่อการร้าย เผากรุง


นายกอร์ดอน ดูกิด โฆษกกระทรวงการต่างประเทศไทย แถลงกับผู้สื่อข่าวที่กรุงวอชิงตัน ดีซีวานนี้ว่า สหรัฐขอประณามผู้ที่ร่วมวางเพลิงในหลายๆจุดในพื้นที่กทม. รวมทั้งทำร้ายผู้สื่อข่าวเป็นรายบุคคลและเรียกร้องให้บรรดาแกนนำและพรรคการเมืองฝ่ายค้านควบคุมผู้ที่สนับสนุนให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวเสีย ทั้งนี้ขอชื่นชมที่แกนนำเสื้อแดงที่เข้ามอบตัว พร้อมสนับสนุนข้อเรียกร้องที่ให้ผู้สนับสนุนกลับบ้านโดยสันติ
"Please pray for thailand ! HOLY SPIRIT come to Thailand ! Be safe :) !!"
(ได้โปรดช่วยกันร่วมสวดมนต์ให้กับประเทศไทย! ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆได้โปรดช่วยคุ้มครองให้ประเทศไทยปลอดภัย :) !!)ไม่น่าเชื่อคำพูดเหล่านี้เป็นของคนเกาหลีที่อยากให้ประเทศไทยกลับมาสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง

วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

รูป อาชีพต่างๆ ของจีนสมัยโบราณ

หญิงเย็บปักถักร้อย

手 鼓艺人 ศิลปินกลองเล็ก

จิตรกรรมประทีป



ขายผัก


พ่อค้าขายเนื้อหมู

ช่าง ก่อสร้าง


เย็บถุงเท้าขาย

ยามบอกเวลา








ผลิตลูกศร

ขัดเงาคริสตัล



คนซ่อมรองเท้า


ตี้ทำไม้ยัน
ช่างตัดผม




เจ้าหน้าที่


เหมือนดูภาพประวัติศาสตร์เลย!!












15 เรื่องน่าสนใจของญี่ปุ่น



ประเทศญี่ปุ่นเค้าก็มีเรื่องน่าสนใจแบบที่ประเทศเราไม่มีเยอะเลยนะ

1. ที่ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะถนนจะโล่งแค่ไหน หรือจะเป็นตอนดึกที่ถนนว่างไม่มีรถซักคันแค่ไหน คน ญี่ปุ่นจะไม่ข้ามถนนเลย แต่จะเดินไปจนเจอ ทางม้าลายและรอไฟเขียวให้คนข้ามถึงจะข้าม (เป็น ระเบียบสุดยอดเลย)

2. การให้บริการลูกค้าใน ญี่ปุ่นเน้นเรื่อง Service Mind เป็นอย่างมาก หาก ไปญี่ปุ่นแล้วมีโอกาสไปห้างสรรพสินค้าหรือตามร้านต่างๆ ก็ จะได้รับการบริการเหมือนเป็นพระเจ้าเลยล่ะ หลังจากซื้อของเสร็จ พนักงานจะคอยยืนส่งลูกค้าไปจนลับสายตา เพราะ ถือว่าหากลูกค้ามองกลับมาแล้วไม่เจอพนักงาน จะถือว่าเสียมารยาท

3. คนญี่ปุ่นมีอัตราการ ฆ่าตัวตายต่อปีที่สูง หนึ่งในวิธียอดนิยมคือ การกระโดดให้รถไฟทับตาย แต่ รู้มั้ยว่าถ้าหากกระโดดให้รถไฟทับตาย พ่อแม่ญาติพี่น้องจะต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนที่แพงมหาศาล เพราะ ถือว่าทำความเดือดร้อนให้กับบริษัทรถไฟที่ต้องหยุดวิ่ง เพื่อทำความสะอาดรางและรถไฟ และ ต้องสูญเสียรายได้ (จะตายทั้งที ก็อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนนะ ทางที่ดีอย่าตายดีกว่า)

4.ห้ามฟังเพลงจากหูฟัง ในขณะที่ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์หรือจักรยาน เพราะ ทำให้สมรรถภาพการขับขี่ลดลง ถ้าตำรวจพบ จะถูกปรับ

5. รวมถึงการซ้อนจักรยาน ถึงจักรยานจะมีเบาะให้ซ้อน ก็ห้ามซ้อน เพราะตำรวจอาจเรียกได้เบาะซ้อนมีไว้วางของ ยกเว้นเด็กเล็กที่ซ้อนได้ แต่ต้องนั่งเบาะพิเศษของเด็ก (หนุ่ม สาว อดซ้อนสวีทกันเลยล่ะสิ)

6.ที่ญี่ปุ่นไม่มีหมา จรจัด มีแต่แมวจรจัด ซึ่งก็มีน้อยมากๆ เพราะ หมาจรจัด หรือที่ถูกทอดทิ้ง จะถูกเทศบาลจับไปหมด ได้ ยินว่าถูกเอาไปฆ่าด้วย สงสารน้องหมาอ่ะ T^T
15 เรื่องน่าสนใจของญี่ปุ่น
7. ถ้าลืมของไว้ที่ร้านอาหารหรือข้างทาง ไม่ต้องกลัวว่าจะหาย สอง วันผ่านไปมันจะยังคงอยู่ที่เดิม (หรือทางร้านจะเก็บ ไว้ให้) เพราะ ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจ ถ้าไปญี่ปุ่นแล้ว เห็นมีหมวก ผ้าพันคอ กระเป๋า แขวนตามต้นไม้ เพราะ คนที่เก็บได้เขาจะนำมาแขวนไว้ใกล้ๆกับที่มีคนทำตก เพื่อ ให้เจ้าของกลับมาตามหาเจอ (ที่ไทย สองวินาทีหายเรียบ 5555 )

8. ของแฮนด์เมดที่ ญี่ปุ่น ราคาแพงมากกกกกกกกกก คน จะยกย่องและฮือฮามาก ถ้าคุณทำของแฮนด์เม ดได้ เพราะถือว่ามีฝีมือสุดยอด

9. คนท้องจะมีแท็กจากโรง พยาบาลให้พกติดตัวไว้ตลอดเวลาทุกครั้งที่ออกจากบ้าน เพื่อ ที่คนอื่นจะได้รู้ว่าคนนี้ท้อง และจะได้บริการให้เป็นพิเศษ เช่น ลุกให้นั่งบนรถไฟใต้ดิน (เพราะบางคนก็อ้วนไง)

10. ห้องพักตามอพาร์ทเมนท์ คอนโด และโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่น จะไม่มีห้องหมายเลข 4 เพราะ ถือว่าเป็นตัวเลขอัปมงคล เพราะอ่านออกเสียงพ้องกับคำที่แปลว่า ตาย

11. ร้านอาหารที่ญี่ปุ่น ไม่อนุญาตให้นำอาหารหรือเครื่องดื่มจากร้านอื่นมา ทานในร้าน แม้ กระทั่งน้ำเปล่าจาก 7-11

12. 7-11 หรือร้านสะดวกซื้อ อื่นๆ มีห้องน้ำให้เข้าฟรี (ดีจัง)

13. เวลาทิ้งขยะที่เป็น ขวดกล่องน้ำหรือนม จะ ต้องล้างขวดหรือกล่องนั้นให้สะอาดก่อนแล้วค่อยทิ้ง เพราะ หากทิ้งลงไปทั้งอย่างนั้น ของข้างในอาจบูดเน่าและส่งกลิ่นเหม็น(สุดยอดๆ)

14. สามารถยืนอ่านหนังสือ โป๊หรือการ์ตูนโป๊ได้แจ่มๆ ไม่ มีใครมองด้วยสายตาแปลกประหลาด (555555 จะดีเหรอ)
โอ้..... ไม่มียางอายกันแล้วท่าน

15. ผู้ชายญี่ปุ่นแทบทุก คน ชอบกันคิ้ว เพราะผู้ชายที่นี่รักสวยรักงามไม่แพ้ผู้หญิง ถ้า ไปทำผมในร้านเสริมสวย ช่างทำผมจะถามแน่นอน ว่าจะกันคิ้วเพิ่มด้วยมั้ย









วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

พระโค กินหญ้า น้ำท่า บริบูรณ์พอควร

พระโค กินหญ้า น้ำท่า บริบูรณ์พอควร

วันพืชมงคล

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 13 พ.ค. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ณ พลับพลา ท้องสนามหลวง เนื่องในพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ พร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยมีนายยุคล ลิ้มแหลมทองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำหน้าที่เป็นพระยาแรกนา

สำหรับบรรยากาศที่ท้องสนามหลวง มีเกษตรกรและประชาชนเริ่มมาจับจองที่นั่งตั้งแต่เช้า เพื่อรอชมพระราชพิธี และรอเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทานเพื่อนำไปบูชาเป็นสิริมงคล

ในปีนี้พระยาแรกนาได้เสี่ยงทายหยิบผ้านุ่งหมายเลข 6 ทำนายพยากรณ์ว่า น้ำจะน้อย นาในที่ลุ่มบริบูรณ์ดี นาในที่ดอนเสียหายบ้าง ได้ผลไม่เต็มที่ ผลการเสี่ยงทาย พระโคกินหญ้า ทำนายว่าน้ำท่าบริบูรณ์พอควร ธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหาร อุดมสูมบูรณ์ดี

8 สถานที่ที่สวยที่สุดใน โลก