การอ่านหนังสือจากขวาไปซ้าย หรือซ้ายไปขวา นั้นก็มีสาเหตุเกิดจากลักษณะการเขียนในแต่ละภาษานั่นเอง
อย่างในภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี ซึ่งวิวัฒนาการมาจากภาษาจีนเหมือนกัน อ่านหนังสือจากขวาไปซ้าย หรือหลังไปหน้า เพราะการเขียนนั้นเขียนจากขวาไปซ้าย
ตามแบบดั้งเดิมแล้ว ภาษาจีน ญี่ปุ่นและเกาหลี เขียนในแนวตั้ง เริ่มจากบนลงล่าง และเรียงจากขวาไปซ้ายเป็นแถวตามแนวตั้งไปเรื่อยๆ โดยแถวใหม่แต่ละแถวนั้นจะอยู่ทางซ้ายของแถวเดิมเสมอ
อย่างไรก็ตาม ในสมัยปัจจุบัน เป็นเรื่องค่อนข้างปกติมากยิ่งขึ้นที่ภาษาเหล่านี้จะเขียนไปตามแนวนอน หรือจากซ้ายไปขวา โดยแต่ละแถวจะเริ่มจากบนลงล่าง ทั้งนี้ เพราะได้รับอิทธิพลมาจากภาษายุโรป โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาสากล และส่วนหนึ่งยังเป็นผลมาจากการพิมพ์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ รวมถึงซอฟต์แวร์การพิมพ์งานต่างๆ ซึ่งไม่เข้ากับการเขียนจากขวาไปซ้ายของภาษาเหล่านี้
ภาษาจีน ญี่ปุ่น เกาหลี เมื่อเขียนตามแนวนอนแล้ว การอ่านแต่ละหน้าก็เหมือนกับเราอ่านหนึงสือภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ คือเริ่มจากซ้ายไปขวา ขณะที่หนังสือซึ่งเขียนตามแนวดิ่งจะถูกพิมพ์ออกมาในทางตรงกันข้าม คือเริ่มจากทางขวาไปซ้าย เวลาอ่านหนังสือพวกนี้จึงดูเหมือนว่าอ่านย้อนหลังมาหน้า หากเปรียบเทียบกับภาษาไทยซึ่งเขียนจากซ้ายไปขวา
ดังนั้นตัวอักษรจีนหรือญี่ปุ่นจึงมีลักษณะพิเศษ คือ สามารถเขียนได้ทั้งในแนวนอนและตั้ง การเขียนตามแนวนอนของภาษาจีนเรียกว่า เหิงไผ การเขียนในแนวดิ่งเรียกว่า ซู่ไผ ในภาษาญี่ปุ่น การเขียนตามแนวนอนเรียกว่า โยโกะกากิ ขณะในแนวดิ่งเรียกว่าตาเตกากิ
ตามประวัติศาสตร์แล้ว การเขียนในแนวดิ่งเป็นระบบมาตรฐาน ขณะที่การเขียนในแนวนอนจะถูกใช้ในพื้นที่ซึ่งจำกัด เช่นการเขียนเหนือประตูวัด และเราอาจจะพบการเขียนตามแนวนอน แต่จากขวาไปซ้ายยังมีในญี่ปุ่น จีน และเกาหลีด้วย เช่น ตามป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ
ปิดท้ายด้วยเกร็ดเล็กน้อยว่า ขณะที่โดยทั่วไปแล้ว ภาษาตะวันตกจะมีรูปแบเขียนไปตามแนวนอน โดยเริ่มจากซ้ายไปขวา ในภาษาฮิบรูและอาหรับจะเขียนจากขวาไปซ้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น