วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553

10 เทศกาล "แปลกประหลาด" ที่สุดของโลก


1. "สงครามมะเขือเทศ" กลายเป็นเทศกาลที่มีชื่อเสียงที่สุดงานหนึ่งของโลก ในหลายเมืองของในสเปนจะจัดงาน"ลาโทมาติน่า" แต่ ที่โด่งดังที่สุดก็ที่เมืองบูญอลในวันพุธสุดท้ายของเดือนสิงหาคมของทุกปี ประกอบไปด้วยการแสดงดนตรี การจุดพลุ ที่สำคัญมีมะเขือหนักกว่า 300,000 ปอนด์ถูกผู้ร่วมงานละเลงปาใส่กันอย่างสนุกสนาน

ที่มาของ เทศกาลนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด เริ่มมาตั้งแต่ปี 1944 หรือไม่ก็ปี 1945 บ้างก็บอกว่าเกิดขึ้นเพราะเป็นการแย่งชิงอาหารในหมู่เพื่อนๆ การแสดงความไม่พอใจเมื่อนักเล่นดนตรีเล่นไม่ได้เรื่อง หรือกระทั่งเป็นการชุมนุมต่อต้านนายพล ฟรันซิสโก ฟรังโก ผู้นำจอมเผด็จการ


2. เทศกาลยูเอฟโอ จัดขึ้นช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกปีในเมืองโรสเวลล์ มลรัฐเม็กซิโกของสหรัฐฯ ซึ่ง มีแฟนยูเอฟโอจากทั่วโลกจะมาชุมนุมกัน มีการประกวดแต่งชุดเอเลี่ยน การจะดอกไม้ไฟ รวมทั้งการเสวนาของแฟนพันธุ์แท้เรื่องยูเอฟโอ เมืองโรสเวลล์กลายเป็นศูนย์กลางของคนที่เชื่อว่ามีมนุษย์นอกโลก หลังจากในปี 1947 พบซากยานลึกลับในเมืองนี้


3. เมืองซอนกกายาวิ ประเทศฟินแลนด์เป็นสถานที่ "แข่งขันอุ้มเมียชิงแชมป์โลก" ใน ประจำเดือนกรกฎาคมของทุกปี การแข่งขันนี้เพิ่งเริ่มขึ้นในทศวรรษ 1990 แต่คนท้องถิ่นบอกตลกๆ ว่ามันเริ่มมาชั่วนาตาปีแล้ว เพราะเมื่อก่อนผู้ชายจะขโมยผู้หญิงจากหมู่บ้านอื่นมาเป็นศรีภรรยา วันนี้รางวัลไม่ใช่ภรรยาและเป็นเบียร์น้ำหนักเท่าตัวภรรยาของพวกเขา

ผู้ชาย จะแบกภรรยาของตัวเอง หรือของเพื่อนบ้าน หรืออาจเป็นคู่รัก เทคนิกการอุ้มมีหลายวิธี แต่ในภาพนี้เป็นเทคนิคที่นิยมมากที่สุด และก็สำเร็จมากที่สุดด้วย สถิติโลกที่รอให้ทลายคือการอุ้มผ่านสิ่งกีดขวางระยะทาง 235.5 เมตรในเวลา 55 วินาที


4. เทศกาลซานเฟอร์มิน ในเมืองปามโปลน่า ประเทศสเปน เป็นที่รู้จักสำหรับการวิ่งวัวกระทิง ใน 8 วันของเทศกาล 9 วัน ถนนในเมืองถูกสร้างสิ่งกีดขวางไว้ คนที่ร่วมแข่งขันแต่งชุดพื้นเมืองสีขาว ผูกผ้าคลุมเอวและผ้าพันคอสีแดง รอสัญญาณเตรียมวิ่งหนีการไล่ขวิดของวัวกระทิงที่ถูกปล่อยออกมาในถนนนั้น การแข่งขันกินเวลาเพียง 2-3 นาที แต่ในแต่ละปีมีผู้บาดเจ็บเป็นร้อย อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี 1910 มีผู้เสียชีวิต 14 คน


5. ในเมืองเล็กๆ ชื่ออีเวรีย ประเทศอิตาลี ไม่ใช่การปามะเขือเทศแต่เป็นสงครามปาผลส้ม ระหว่างงานคาร์นิวาล 3 วันจัดขึ้นในช่วงถือศีลบวช ชาวบ้านราว 3,000 คนมารวมตัวกันที่ลานกลางเมืองที่มีประชากรไม่ถึง 25,000 คนนี้ เล่ากันว่า การปาส้มแป็นการรำลึกถึงการสู้รบต่อต้านจักรพรรดิผู้ข่มเหงกดขี่ในศตวรรษที่ 12 ผู้ร่วมงานมารวมตัวกันตามถนนรอคอยขบวนกลุ่มอาสาสมัครเป็นศัตรู ซึ่งใส่ชุดอัดนวมและหมวกป้องกันมาบนรถลาก ขณะที่ผู้ชมจะสวมหมวกหรือผ้าพันคอสีแดงเปป็นสัญลักษณ์ว่าตัวเองไม่ใช่นักรบ


6. ในชนบทอันเงียบสงบและงดงามของอังกฤษ การแข่งกันเก็บชีส ถูกจัดขึ้นในทุกเดือนพฤษภาคม ผู้ท้างชิงไถลและล้มลุกคลุกคลานจากเขาที่สูงชันเพื่อไล่ล่าชีสแห่งเมืองกล อสเตอร์หนัก 8 ปอนด์และทำเป็นรูปวงล้อ ผู้แข่งขันต้องเก็บชีสที่ปล่อยลงจากเนินเขาและมีความเร็ว 70 ไมล์ต่อชั่วโมงให้ได้ก่อนที่ชีสจะตกลงไปตีนเขา เชื่อว่าประเพณีย้อนไปในอดีตเมื่อผู้คนในอดีตฉลองเวลาที่พระอาทิตย์เข้าใกล้ เส้นศูนย์สูตรมากที่สุด โดยวงล้อชีสนั้นเป็นสัญลักษณ์ของพระอาทิตย์นั่นเอง


7. นับตั้งแต่ทศวรรษ 1600 เมืองคาสตริลโลเดมูร์เซีย ประเทศสเปนจัด "ฉลองเทศกาลโกลาโช" ด้วยประเพณี่การกระโดดข้ามเด็กทารก เทศกาล ลี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อขจัดสิ่งชั่วร้ายออกไปจากเมือง ช่วงเดียวกับเทศกาลคอร์ปุสคริสตีของชาวคริสเตียน ขบวนพาเหรดเป็นสัญลักษณ์การรวมกันของสิ่งชั่วร้ายมาในเมืองและพากพวกมันเข้า ไปโบสถ์ และพื่อขับสิ่งชั่วร้ายของจากเด็กไร้เดียงสา เด็กทุกคนที่เกิดในปีที่แล้วจะถูกนำมานอนบนฟูก จากนั้นชายที่แสดงเป็นสิ่งชั่วร้าย หรือเอลโกลาโช ก็จะกระโดดข้ามฟูกนั้นเพื่อเป็นการชำระล้างสิ่งชั่วร้ายออกไปจากตัวเด็ก


8. เทศกาลแปลกประหลาดที่สุดของโลกไม่ใช่ของมนุษย์เท่านั้น ที่ลพบุรีของไทยเราเองก็จัดเทศกาลบุฟเฟต์สำหรับลิงกว่า 600 ตัวที่ อยู่ในเมืองนี้ เทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่พระรามที่ตบรางวัลให้แห่หนุมานด้วยแผ่น ดินที่กลายเป็นเมืองลพบุรี บุฟเฟต์หน้าวัดพระปรางสามยอด ประกอบไปด้วยอาหารผักผลไม้สดๆ หลายร้อยกิโลกรัม พร้อมกับไอติมและเครื่องดื่ม งานนี้กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมในท้องถิ่นซึ่งเต็มใจอย่างยิ่งเพราะกิจกรรม นี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยือนเป็นประจำทุกปี


9. เทศกาลหน่อไม้ฝรั่ง ในเมืองเอมไพร์ ในมลรัฐมิชิแกน งาน นี้อุทิศแด่หน่อไม้ฝรั่งโดยเฉพาะ มิชิแกนเป็นผู้ผลิตหน่อไม้ฝรั่งมากที่สุดในสหรัฐ แต่เพราะมิชิแกนรู้จักในด้านศิลปะมากกว่าการเกษตรจึงจัดงานนี้ขึ้น ซึ่งรวมถึงกิจกรรมแปลกในทุกเดือนพฤษาภาคม มีขบวนพาเหรดแต่งตัวเป็นหน่อไม้ฝรั่ง การประกวดแต่งบทกวีหน่อไม้ฝรั่ง มีงานเลี้ยงอาหารนานาชนิดจากพืชชนิดนี้และตบท้ายด้วยเบียร์ที่ทำมาจาก หน่อไม้ฝรั่งด้วย


10. ในเกาหลีใต้ช่วงเดือนกรกฎาคมจะมีเทศกาลบอร์ยอง อันเป็นเทศกาลอาบโคลนที่ มีชื่อเสียงสำหรับคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดินโคลนจากทุ่งนาไม่หางจากชายหาดไม่ดีนักสำหรับการเกษตรกรรม แต่กลับอุดมด้วยแร่ธาตุซึ่งกลายเป็นแหล่งทำเงินให้กับผู้ผลิตเครื่องสำอาง แต่ละปี ดินโคลนจะถูกขุดขึ้นมาและขนไปยังชายหาดให้นักท่องเที่ยวกลิ้งเกลือก และอาบเล่นอย่างสนุกสนานในกองโคลนอันบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นโอกาสดี เพราะปกติแล้วจะมีการจำกัดการใช้โคลนเพื่ออุตสาหกรรมความงามมาก


Wow!!

ไม่มีความคิดเห็น: