วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552

10 สนามบินที่ดีที่สุดในโลก ปี 2009



สกายแทร็กซ์ หรือบริษัทที่ปรึกษาด้านการบินของประเทศอังกฤษ ได้ทำแบบสอบถามความเห็นของผู้โดยสารสายการบินต่างๆ จำนวน 8.6 ล้านคน โดยครอบคลุมสนามบินกว่า 190 แห่งทั่วโลก ระหว่างปี พ.ศ. 2551-2552

การสำรวจในครั้งนี้ เน้นประเมินความพึงพอใจด้านสินค้าและบริการใน 39 หัวข้อด้วยกัน นับตั้งแต่ขั้นตอนการเช็คอิน การเดินทางมาถึงสนามบิน การเดิน / นั่งรถไปขึ้นเครื่อง ฯลฯ

มาดูกันว่าสนามบินไหนจะโดนใจผู้โดยสารมากที่สุด จนติดอันดับท็อปเทนเป็นสนามบิน "ดีที่สุดในโลก" ประจำปี 2009

อันดับ 10. สนามบินอ๊อคแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์

สนามบินแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นสนามบิน "ดีที่สุด" ในแถบออสเตรเลีย/แปซิฟิก และในปีนี้สนามบินอ๊อคแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ ยังติดอันดับ 10 สนามบินดีที่สุดในโลก จากผลการสำรวจของสกายแทร็กซ์อีกด้วย

อันดับ 9. สนามบินเซนแทร์ นาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น

สนามบินแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ถมทะเลชานเมืองนาโกย่า ปีนี้นับเป็นปีแรกที่สนามบินเซ็นแทร์ นาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น ติดอันดับท็อปเทนเป็นหนึ่งใน 10 สนามบินดีที่สุดในโลก

อันดับ 8. สนามบินอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์



ในที่สุดสนามบินอัมสเตอร์ดัม ก็กลับเข้ามาติดอันดับท็อปเทนอีกครั้ง หลังจากหลุดโผไปอยู่อันดับ 11 เมื่อปีที่แล้ว

อันดับ 7. สนามบินกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย

ในปีนี้สนามบินกัวลาลัมเปอร์ ร่วงจากอันดับ 4 (เมื่อปีที่แล้ว) มาอยู่ที่อันดับ 7


อันดับ 6. สนามบินคันไซ ประเทศญี่ปุ่น


สนามบินคันไซ สร้างขึ้นบนเกาะที่มนุษย์สร้างขึ้นกลางอ่าวโอซาก้า มักถูกเรียกในภาษาอังกฤษว่า "Osaka Airport" ทำให้นักท่องเที่ยวบางคนเกิดความสับสน และนึกว่าเป็นอันเดียวกับสนามบินนานาชาติโอซาก้า (ซึ่งปัจจุบันเปิดบริการเฉพาะเที่ยวบินภายในประเทศ)

อันดับ 5. สนามบินมิวนิค ประเทศเยอรมนี

สนามบินมิวนิค ยังคงรักษาอันดับเดิมของเมื่อปีที่แล้วเอาไว้ได้ ทำให้อยู่ในอันดับที่ 5 ติดต่อกันถึง 2 สมัย

อันดับ 4. สนามบินซูริค สวิตเซอร์แลนด์

นอกจากจะติดอันดับ 4 สนามบินดีที่สุดในโลกแล้ว ปีนี้สนามบินซูริคยังครองแชมป์เป็น "สนามบินดีที่สุดในยุโรป" แซงหน้าสนามบินมิวนิค ในเยอรมนี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อันดับ 3. สนามบินชางงี ประเทศสิงคโปร์

สนามบินชางงี เป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการบินที่สำคัญในเอเชีย แต่ปีนี้สนามบินดังกล่าวคะแนนตกลงมาอยู่ที่อันดับ 3 จากที่เคยครองอันดับ 2 เมื่อปีที่แล้ว

อันดับ 2. สนามบินนานาชาติฮ่องกง

ปีที่แล้วสนามบินนานาชาติฮ่องกง ได้รับเลือกให้เป็นสนามบิน "ดีที่สุดในโลก" ถึงแม้ว่าปีนี้คะแนนรวมจะร่วงลงมาอยู่ที่อันดับ 2 แต่ก็ยังได้รับการโหวตให้เป็นสนามบิน ดีที่สุดในโลก ทางด้านอาหารการกิน


อันดับ 1. สนามบินนานาชาติอินชอน ประเทศเกาหลีใต้
สนามบินนานาชาติอินชอน ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ได้รับเลือกให้เป็นสนามบิน "ดีที่สุดในโลก" ประจำปี 2009 จากผลสำรวจความพึงพอใจของผู้โดยสารทั่วโลก ซึ่งจัดขึ้นโดยสกายแทร็กซ์

กำเนิด Teddy Bear


เทดดี้แบร์ (Teddy Bear) เพิ่งจะปรากฏตนเป็นเพื่อนของเราเมื่อไม่นานมานี้เอง เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ 100 ปีที่แล้ว ในปี ค.ศ.1902 ที่เกิดเหตุการณ์ในคนละฟากมหาสมุทร ทั้งในสหรัฐอเมริกาและเยอรมัน จนเป็นต้นกำเนิดของ ตุ๊กตาหมี ที่มีชื่อว่า "Teddy Bear"


เรื่องราวในสหรัฐอเมริกาเล่ากันว่า เทดดี้แบร์มาจากการวาดของนักเขียนการ์ตูนล้อการเมืองที่ชื่อ คลิฟฟอร์ด เบอร์รีแมน วาดภาพที่ชื่อว่า "Drawing the Line in Mississippi" เป็นภาพ ประธานาธิบดี ธีโอดอร์ รูสเวลท์ ปฏิเสธจะยิงลูกหมีที่ถูกจับล่ามเอาไว้กับต้นไม้ ตามเรื่องราวที่เล่ากันมาบอกว่า ประธานาธิบดีรูสเวลท์ เดินทางไป มลรัฐมิสซิสซิปปี้ เพื่อช่วยเจรจาแบ่งเส้นพรมแดนที่มีปัญหากับรัฐลุยส์เซียน่า และเจ้าภาพให้การต้อนรับผู้นำของประเทศโดยชวนไปล่าหมีในป่า แต่โชคร้ายที่ไม่พบหมีให้ล่า จึงมีคนหัวใสนำเอาลูกหมีมาให้ แต่ประธานาธิบดีปฏิเสธที่จะยิงหมีที่ถูกล่าม เช่นนั้นทำให้ นายเบอร์รี แมนนักวาดภาพการ์ตูนประทับใจจึงการ์ตูนปรากฏใน เดอะวอชิงตันโพสต์ ฉบับวันที่ 16 พฤศจิกายน 1902 และเป็นที่กล่าวขวัญกันมาก เป็นแรงบันดาลใจให้สามีภรรยาที่ชื่อ มอร์ริส และโรส มิชทอมส์ ซึ่งอยู่ในนิวยอร์คทำ ตุ๊กตาหมีขึ้น เพื่อยกย่องการกระทำของประธานาธิบดีรูสเวลท์ ครอบครัวมิชทอมส์ตั้งชื่อ ตุ๊กตาหมี ของตนว่า "เทดดี้แบร์" มาจาก เทดดี้ อันเป็นชื่อเล่นของ ธีโอดอร์ รูสเวลท์


และนำวางโชว์ที่ตู้กระจกหน้าร้านขายลูกกวาดและเครื่องเขียนของตน ตุ๊กตาที่วางโชว์หน้าร้านตัวนี้ ต่างจาก ตุ๊กตาหมี ที่เคยทำกันมาซึ่งมักจะมีหน้าตาดุร้าย และยืนสี่ขาเหมือนกับหมีจริง แต่หมีของครอบครัวมิชทอมส์เป็นลูกหมีดูน่ารัก ไร้เดียงสา ยืนตัวตรงเหมือนหมีในการ์ตูนของเบอร์รี่แมน นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ ตุ๊กตาหมี "เทดดี้แบร์" ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนครอบครัวมิชทอมส์สามารถตั้งโรงงานผลิต ตุ๊กตาหมี ขึ้นเป็นครั้งแรกในอเมริกา ที่ชื่อว่า Ideal Novelty and Toy


ขณะเดียวกัน อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร ริชาร์ด ชไตฟ์ ชายหนุ่มผู้ทำงานกับป้า มาร์กาเร็ตเท ชไตฟ์ ( Margarete Steiff) นักธุรกิจของเล่นเด็กในเยอรมัน ริชาร์ดเรียนมาทางด้านศิลปะ เขาชอบวาดรูป และไปที่สวนสัตว์ในสตุตการ์ตบ่อยๆ เชไตฟ์ จะทำตุ๊กตาหมีในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ขณะนั้นการสื่อสารยังไม่เจริญเท่าใด ทั้งคู่จึงไม่ล่วงรู้ถึงความคิดสร้างสรรค์ของกันและกัน ตุ๊กตาหมี ของมิชทอมส์เป็นลูกหมีตาโต ตามการ์ตูนที่วาดโดยเบอร์รี่แมน ส่วนหมีของชไตฟ์มีลักษณะหลังค่อม จมูกยาว ดูเหมือนลูกหมีจริงๆ มากกว่า


ไม่นานหลังจากนั้น เดือนมีนาคมปี 1903 ในงานแสดงของเล่น เมืองลิปซิกในเยอรมัน ชไตฟ์เปิดตัว ตุ๊กตาหมี ครั้งแรกในงานนี้ แต่พ่อค้าชาวยุโรปไม่ค่อยให้ความสนใจนัก ตรงกันข้ามพ่อค้าของเล่นชาวอเมริกัน ซึ่งรู้ว่าชาวอเมริกันกำลังสนใจ "เทดดี้แบร์" จึงสั่งซื้อทีเดียว 3,000 ตัว ชไตฟ์จึงเข้าสู่ตลาดอเมริกาในจังหวะและโอกาสที่เหมาะสมอย่างที่สุด ความคลั่งไคล้เทดดี้แบร์

เผยมนุษย์ได้ยินด้วยหูข้างขวาดีกว่าหูข้างซ้าย


เปิดเผยว่า มนุษย์อย่างเราๆนี้ชอบที่จะได้ยินเสียงจากหูทางด้านขวามากกว่าเข้าซ้าย และจะทำตามหน้าที่เมื่อได้รับมอบหมายผ่านทางหูทางฝั่งขวาได้ดีกว่าฝั่งซ้ายอีกด้วย

ดร. Luca Tommasi และ Daniele Marzoli แห่งมหาวิทยาลัย Gabriele d'Annunzio ในเมือง Chieti ประเทศอิตาลีเปิดเผยว่าจากการศึกษาการสื่อสารระหว่างมนุษย์โดยการได้ยินนั้นสามารถแสดงให้เห็นถึงความไม่สมมาตรกันในร่างกายโดยธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากความไม่สมมาตรกันของสมอง และมีผลต่อพฤติกรรมของมนุษย์แต่ละวันอีกด้วย

ดยหนึ่งในสิ่งที่รู้จักกันดีในความไม่สมมาตรกันคือ หูข้างขวาของมนุษย์จะทำงานได้ดีกว่าในการฟังเสียง เพราะเชื่อกันว่าสมองซีกซ้ายของมนุษย์นั้นสามารถประมวลผลคำพูดออกมาได้ดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีเพียงการศึกษาที่ว่าหูข้างใดได้ยินดีกว่ากันในขั้นทดลองในห้องปฏิบัติการที่มีการควบคุม และยังไม่ถือว่าเป็นผลการทดลองจากคนส่วนใหญ่ในโลกนี้

จนกระทั่งเกิดการศึกษาวิจัย 3 ครั้งของ Tommasi และ Marzoli ขึ้นมา โดยมีการทดลองดังนี้

ครั้งแรกจะดูพฤติกรรมการได้ยินของมนุษย์ในขณะที่มีการพบปะพูดคุยกันในสิ่งแวดล้อมแบบไนท์คลับที่มีเสียงอึกทึก โดยการทดลองครั้งแรกพบว่า ใช้กลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักท่องราตรีทั้งหมด 286 คนอยู่ในห้องที่มีเสียงดนตรีดังมาก พบว่าการสื่อสารกันทั้งหมดร้อยละ 72 เกิดขึ้นโดยการได้ยินด้วยหูทางด้านขวาของผู้ฟัง และเมื่อนำมาทดลองซ้ำในห้องปฏิบัติการแล้วพบว่าให้ผลใกล้เคียงกัน จึงสามารถสรุปได้ว่าความไม่สมมาตรกันของมนุษย์ก็น่าจะเกิดขึ้นทั้งในและนอกห้องปฏิบัติการได้เช่นกัน

การศึกษาครั้งที่ 2 นักวิจัยทดลองกับนักท่องราตรี 160 คน โดยจะพูดแบบไม่ค่อยชัดและไร้ความหมายให้กลุ่มนี้ฟัง แล้วคอยดูว่าเนื้อหาที่พูดนั้นเข้าหัวผู้ฟังมากเพียงใด โดยจะพูดทั้งทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวาแบบอู้อี้ๆ แล้วจากนั้นก็ขอให้ผู้ฟังหยิบบุหรี่มาให้ ผลการทดลองพบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 58 ได้ยินด้วยหูข้างขวา ขณะที่อีกร้อยละ 42 ได้ยินด้วยหูข้างซ้าย และเมื่อทดลองกับกลุ่มผู้หญิงนั้นก็ให้ผลแบบเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ในการศึกษาครั้งนี้ยังไม่มีการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนบุหรี่ที่ได้จากผู้ฟังกับหูข้างที่ได้ยินแต่ละข้างนั้น

และการทดลองครั้งที่ 3 ที่เป็นครั้งสุดท้ายนั้น นักวิจัยใช้นักท่องราตรี 176 คน โดยจะพูดให้กลุ่มนี้หยิบบุหรี่มาให้แบบตั้งใจให้ได้ยินเลย โดยให้ฟังด้วยหูข้างใดข้างหนึ่ง พบว่านักวิจัยจะได้รับบุหรี่จากคนที่ได้ยินด้วยหูข้างขวามากกว่าจากคนที่ได้ยินด้วยหูข้างซ้าย
จากการทดลอง จึงสรุปได้ว่าหูข้างขวาและสมองทางฝั่งซ้ายนั้นมีประสิทธิภาพในการสื่อสารด้วยคำพูดมากกว่า

นักวิจัยสรุปว่า "การศึกษาของเราได้ยืนยันความเชื่อของบรรพบุรุษถึงพฤติกรรมส่วนใหญ่ของมนุษย์หรือสปีชี่ส์อื่นๆเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารทางสังคม ไม่เพียงแต่การสื่อสารระหว่างสิ่งมีชีวิตในสปีชี่ส์เดียวกันเองเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมด้วย"

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2552

แฟชั่น หน้ากากอนามัย ดีไซน์เก๋

ข่าวการระบาดของไข้หวัดใหญ่2009 อันตรายที่กำลังคืบเข้ามาใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกวัน หน้ากากอนามัยคงเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่ง ที่เราต้องมีพกพาเอาไว้เป็นอาวุธคู่กาย เพราะใครจะไปรู้ใช่ไหมคะ ว่าวัน วัน นึงของคุณ ได้ไปพบเจอใครบ้าง แล้วใครบ้างล่ะที่จะมีเชื้อไข้หวัดนี้....

แฟชั่น หน้ากากอนามัยลายทะเล้น โดย อิรีน่า บลอค(Irina Blok) ดีไซน์เนอร์ จาก San Francisco

รักษาสุขภาพกันนะ

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552

กำเนิดปากกา


นอกจากตัวอักษรหรือตัวหนังสือซึ่งมนุษย์ได้คิดประดิษฐ์ขึ้นมาใช้แล้ว "เครื่องมือ" หรือ "อุปกรณ์" ที่ใช้สำหรับการขีดเขียนก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะกว่าที่เราจะเขียนหนังสือด้วย "ปากกา" หรือ "ดินสอ" ดังเช่นในปัจจุบันนี้ มนุษย์ต้องใช้เวลาในการพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในการขีดเขียนเป็นเวลานานหลายพันปี

(ซ้าย) ปากกาขนนก และ (ขวา) ปากกาลูกลื่นที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน

ในยุคอดีตมนุษย์อาจจะใช้นิ้วจุ่มดินหรือหินสี ที่บดเป็นผงผสมกับยางไม้ หรือกาวจากหนังสัตว์ ขีดเขียนบนผนังถ้ำหรือเพิงผา ต่อมาอาจใช้ ดิน หิน ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม โดยการนำมาฝนหรือทำให้เป็นแท่งเพื่อความสะดวกในการขีดเขียน เช่น นำหินชนวนมาทำเป็นดินสอหิน สำหรับเขียนบนกระดานชนวน หรือการทำชอล์กจากผงแคลเซียมซัลเฟต จากเกลือจืด หรือยิปซัมผสมน้ำ แล้วทำให้เป็นแท่งเพื่อสะดวกในการใช้งาน เช่นในปัจจุบันนี้

ขนมหวานขึ้นชื่อของแต่ละประเทศ

กล่าวกันว่าขนมหวานเป็นสิ่งที่สามารถสะท้อนเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมของชนชาติต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะในการทำขนมหวานในแต่ละท้องที่นั้นจะไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ และกรรมวิธีการทำที่แตกต่างกันไป ซึ่งความแตกต่างเหล่านั้นเองที่ทำให้ปัจจุบันมีขนมหวานจากทั่วโลกมากมายหลายพันชนิด และแต่ละประเทศก็จะมีขนมหวานที่เป็นที่นิยมอยู่ด้วย ลองไปดูกันดีกว่าว่า ขนมหวานขึ้นชื่อเหล่านั้นมีอะไรบ้าง...

Black Forest Cake

หรือภาษาเยอรมันเรียกว่า Schwarzwälder Torte ด้วยความมีชื่อเสียง ในเรื่องเบียร์ และเค้ก ที่มีรสชาติอร่อยมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่เยอรมนีจะกลายเป็นสถานที่ ดื่มกินยอมนิยม โดยช็อกโกแลตที่ทับซ้อนหลายชั้นด้วยครีม เชอรรี่ และบรั่นดีผลไม้ ภายหลังได้ปรุงแต่งให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ด้วยช่างทำเค้กในกรุงเบอร์ลิน และทุกวันนี้ก็ยังเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลก

Halo Halo

จานเด็ดของชาวฟิลิปปินส์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้ไข่บาลุท แต่รับประกันว่าไม่น่า้สะอิด สะเอียน ทั้งนี้ ฮาโล ฮาโล ไม่มีสูตรการทำที่ แน่นอน แต่ดูๆ ไปก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำแข็งใส ของบ้านเรา โดยนำน้ำแข็งบดมาเติมเครื่องเคียง เช่น ถั่วเขียว ลูกตาล ขนุน ฯลฯ ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยการราดนมข้นหวาน และน้ำเชื่อมโดยสามารถหาทานได้ทั่วไปในกรุงมะนิลา


Tiramisu

คำว่า "TIRAMISU" ถอดความเป็นภาษาอังกฤษ ว่า "Carry me up" เพราะรสชาติขนมที่อร่อย จะพาคุณให้ไปถึงสวรรคได้โดยง่าย เค้กชื่อดังของอิตาลีนี้ ทำขึ้นจากเลดี้ฟิงเกอร์ ราดเอสเปรสโซ สอดไส้ด้วยมาสคาร์โปนชีส และซาบากลิออเน ลือกันว่า มีต้นกำเนิดมาจากแม่บ้านทหารในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำเค้กนี้ขึ้นมาให้สามีรับประทาน โดยเชื่อว่า ส่วนผสมของคาแฟอีน และน้ำตาล จะทำให้เขามีพลัง และแคล้วคลาดจากอันตราย


Creme Brulee
แม้จะฟังชื่อแล้วดูฝรั่งเศสสุดๆ แต่อย่า เพิ่งตัดสินว่าเป็นเช่นนั้น เนื่องจากมหาวิทยาลัย เคมบริดจ์ได้อ้างว่า พวกเขาคือต้นตำรับ ผู้คิดค้นขนมสูตรนี้ ในช่วงศตวรรษที่ 16 อย่างไรก็ตาม ถึงจะมีจุดกำเนิดมาจากอังกฤษ แต่เชื่อว่าคงไม่มีสถานที่ใดเหมาะแก่การทาน คัสตาร์ดเย็นๆ โรยด้วยน้ำตาลไหม้ ได้เท่ากับ แสงสว่างยามค่ำคืน ในกรุงปารีสอีกแล้ว



Pie Apple
นี่ก็เช่นกัน แม้ชื่อจะฟังดูเป็นอเมริกัน แต่จริงๆ แล้ว พายแอบเปิลมีต้นกำเนิดมาจากประเทศอังกฤษ โดยได้รับการคิดค้นเมื่อปี 1,381 และปกติจะอบด้วยแป้งสองชั้น ในสมัยก่อนตอนที่ชาวอังกฤษอพยพมาตั้งรกรากในอเมริกา พวกเขาได้นำ เมล็ดแอบเปิลมาปลูกด้วย จึงทำให้มี ความเกี่ยวพันกับวัฒนธรรมของคนอเมริกัน


Daifuku

ขนมเจลาตินทรงกลมจากแดนอาทิตย์อุทัย (ญี่ปุ่น) มักสอดไส้ด้วยถั่วแดงหวาน หรือบางครั้งอาจเป็นแยมสตอเบอรี่ โรยด้วยแป้งบางๆ โดยสามารถหาซื้อมารับประทานได้ทั้งจากกรุงโตเกียว โอซาก้า เกียวโต นากาโนะ และทุกแห่งในญี่ปุ่น

Nanaimo Bars
แคนาดาขึ้นชื่อเรื่องขนมหวาน แต่ถึงอย่างนั้นขนมรสเลิศนี้ ก็มีที่มาจากเกาะคูเวอร์ เมืองนาไนโม รัฐบริติช โคลัมเบีย โดยการได้รับการสร้างสรรค์ ขึ้นจากฝีมือแม่บ้านท้องถิ่น ซึ่งได้ส่งเจ้าขนม ทรงจัตุรัสชิ้นนี้ไปประกวดในนิตยสาร และคว้า รางวัลชนะเลิศมาได้ ปัจจุบันขนมชนิดนี้เป็นที่ชื่นชอบ ของผู้คนในแถบอเมริกาเหนือ
Baklava
ประวัติที่แท้จริงของบาคลาวายากที่จะระบุให้แน่ชัด เพราะว่ามันมีต้นกำเนิดจากจักรวรรดิอ็อตโตมัน ดินแดนเมโสโปเตเมียและอาหรับ โดยขนมหวานชนิดนี้ทำขึ้นจากการนำแป้งฟิลโลมาสอดไส้ไว้ด้วยถั่ว น้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อม หากต้องการลิ้มลองรสชาติ แบบต้นตำหรับต้องไปรับประทานถึงถิ่นที่อ้างว่า เป็นจุดกำเนิดทั้งกรุงอิสตันบลู กรุงเอเธนส์ และกรุงเบรต แม้แต่ละที่อาจจะมีรสแตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็ยังการันตีความอร่อย
แล้วคุณล่ะชอบทานแบบไหน

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ภาษารัก-ภาษาดอกไม้




บางคนอาจจะพูดไม่ออกหรือเขินอายเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนที่เรารัก เราก็สามารถใช้ดอกไม้แทนสื่อความในใจได้ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำให้คนรักรู้ถึงความรู้สึกที่เรามีต่อกัน และรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก (ถ้าคนรักของคุณรู้จักเกี่ยวกับภาษาของดอกไม้)นะ+555

ภาษาดอกไม้
เกิดขึ้นที่เมือง คอนแสตนติโนเปิ้ล กรุงโรมที่ประเทศ... ( อิตาลี ) ใน ค.ศ. 1600 และแพร่กระจายเข้าสู่ประเทศอังกฤษในปี ค.ศ. 1716 โดย Lady Mary Worthley Montagu เธอใช้เวลาของเธอทั้งหมดอยู่กับสามีของเธอ และได้เผยแพร่สู่ประเทศฝรั่งเศส ในหนังสือชื่อ Le Langage des Fleurs ซึ่งลงความหมายของดอกไม้ไว้กว่า 8,000 ดอก มีการแปลเป็นภาษาอังกฤษในสมัยของ Queen Victoria ภาษาดอกไม้ส่วนใหญ่ที่มีความหมาย ไม่เหมาะสมเกินไปได้ถูกตัดออกไป ภาษาดอกไม้ที่จะนำเสนอต่อไปนี้คือ ความหมายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความรักค่ะ

ชื่อไทย - ชื่อภาษาอังกฤษ - ความหมาย

ดอกกุหลาบตูมสีขาว White Rosebud แด่เธอ... ที่ไม่มีความรู้สึก

ดอกกุหลาบขาว White Rose คุณมีค่าสำหรับฉัน

ดอกกุหลาบดอกเดียว Unique Rose สำหรับคุณที่ขี้เหร่

ดอกกุหลาบสีแดงเข้ม Deep red Rose อายจัง

ดอกกุหลาบสีแดงสด Full red Rose สำหรับคุณที่สวยที่สุดของฉัน


ดอกกุหลาบไร้หนาม Thornless Rose เป็นความรักแรกของฉัน

ดอกกุหลาบสีขาวและแดงคู่กัน White and Red rose together มารวมใจกันเป็นหนึ่งเดียวกันเถอะ

ดอกกุหลาบสีเหลือง Yellow Rose อิจฉา ริษยา

ดอกคาร์เนชั่นสีแดงเข้ม Deep red Carnation สำหรับหัวใจที่แห้ง

ดอกคาร์เนชั่นสีชมพู Pink Carnation ความรักของผู้หญิง


ดอกคาร์เนชั่นสีเหลือง Yellow Carnation สำหรับคุณที่บริสุทธิ์ และน่ารัก

ดอกทิวลิป Tulip ฉันเสียวหละทุกอย่างได้เพื่อคุณ

ดอกทิวลิปสีแดง Red Tulip ฉันรักคุณ

ดอกป๊อปปี้สีแดง Red Poppy ฉันจะคอยปลอบโยนคุณเอง

ดอกป๊อปปี้สีขาว White Poppy ฉันเผลอรักคุณเข้าแล้ว


ดอกป๊อปปี้สีม่วง Scarlet Poppy ฉันฝันเห็นหน้าเธอทุกคืน

ดอกไอวี่ Ivy แต่งงานกันเถอะ

ดอกไอวี่สีเหลือง Yellow Ivy ฉันหลงไหลในตัวคุณ

ดอกโรสแมรี่ Rosemary การเข้ามาในชีวิตผมของคุณ ทำให้ผมมีชีวิตชีวา

ดอกแจสมินอินเดีย Indian Jasmine ฉันเชื่อคุณ คุณเป็นคนสำคัญของฉัน น๊ะขอร้อง


ผักชีฝรั่ง Parsley ความรู้ที่มีประโยชน์

ดอกโครคัส Crocus ไม่มีพิษ ไม่มีภัย

ดอกรูห์บ๊าบ Rhubarb เตือนสติ

ดอกฮอลลี่ Holly ฉันไม่เคยลืมคุณ

ดอกบัตเตอร์คัพ Buttercup สำหรับคุณที่เป็นคนซื่อ ( อาจจะบื้อ )

ดอกไลแลคสีม่วง Purple Lilac ความรักครั้งแรกที่หวานฉ่ำ


ดอกพีชสีม่วงแดง Peach Blossom ฉันยอมเป็นทาสของคุณ

ดอกไอรีส Iris ฉันมีอะไรจะบอกคุณ

ดอกเดซี่สีขาว White Daisy สำหรับคุณที่ไร้เดียงสา

ดอกแดนดิเลี่ยน Dandilion ความรักเป็นสิ่งที่พระเจ้าบันดางให้

ดอกพิโอนี่ Peony รู้สึกอับอายขายหน้า

ดอกเบญมาศ Yellow Chrysanthemum ความรักที่บางเบาอ่อนไหวง่าย


ดอกแพนซี่ Pansy รำพึงรำพันถึงความรัก

ดอกบานชื่น Zania คิดถึงเพื่อนเก่า

ดอกบัว Lotus Flower รู้สึกบาดหมางในความรัก

ดอกรองเท้านารี Lady Slipper คุณชนะใจฉัน สวมกอดฉันสิ

ดอกดาวเรือง Marigold ฉันตกเป็นทาสของคุณแล้ว

ดอกผักกาดหอม Lettuce อย่าเย็นชากับฉันนักเลย

ที่มาจากหนังสือ เคล็ดลับและมารยาทในการมอบของขวัญ โดย โนริโกะ อิวาชิตะ

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เด็กอัจฉริยะที่สุดของโลก^^



Elaina Smith: ผู้ให้คำปรึกษาปัญหาชีวิตอายุ 7 ขวบ

สถานีวิทยุท้องถิ่นได้เสนองานให้คำปรึกษาปัญหาชีวิตกับหนูน้อย Elaina เมื่อเธอโทร. เข้ามาให้คำแนะนำกับหญิงสาวคนหนึ่งที่โทร. มาปรึกษาสถานีเรื่องที่เธอถูกแฟนทิ้ง คำแนะนำง่าย ๆ ของ Elaina คือการบอกให้หญิงสาวผู้นั้นออกไปโยนโบว์ลิ่งกับเพื่อนและก็ดื่มนมสักแก้วนึงโต ๆ และนั่นทำให้เธอได้เวลาจัดรายการแก้ปัญหาชีวิตรายสัปดาห์จากสถานีจนได้รับความนิยมจากผู้ฟังนับพัน เธอรับปรึกษาตั้งแต่ปัญหาเรื่องจะทิ้งแฟนอย่างไร จะทำยังไงเมื่อเลิกกับแฟน ไปจนกระทั่งปัญหากลิ่นตัวของพี่น้องในบ้าน


ครั้งหนึ่งได้มีคนฟังโทรศัพท์มาถาม Elaina ว่าทำยังไงเธอถึงจะได้แฟนของเธอกลับมา หนูน้อยบอกไปว่า "ผู้ชายคนนั้นไม่มีค่าพอที่จะคร่ำครวญถึง ชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าจะไปเศร้าโศกถึงผู้ชายแค่คนเดียว"




Cleopatra Stratan : นักร้องเด็กอายุเพียง 3 ขวบ มีรายได้ 1,000 ยูโรต่อเพลง

Clepotra เกิดเมื่อ 6 ตุลาคม 2002 ที่เมืองคีชีเนา ประเทศมอลโดวา เป็นลูกสาวของนักร้องเชื้อสายมอลโดวา-โรมาเนีย เธอเป็นนักร้องอายุน้อยที่สุดที่ประสบความสำเร็จด้วยอัลบั้มในปี 2006 ของเธอที่ชื่อว่า"At the age of 3" และยังเป็นเจ้าของสถิติศิลปินอายุน้อยที่สุดที่เปิดการแสดงสดตลอด 2 ชั่วโมงต่อหน้าผู้ชมจำนวนมาก เป็นศิลปินเด็กที่ค่าตัวสูงสุด เป็นศิลปินอายุน้อยที่สุดที่จะได้รับรางวัล MTV และเป็นศิลปินที่อายุน้อยที่สุดที่มีเพลงติดชาร์ตอันดับหนึ่งในประเทศโรมาเนีย

ลองฟังเพลงของเธอดู


Cleopatra Stratan English (original version)



Akrit Jaswal : ศัลยแพทย์อายุ 7 ขวบ

Akrit Jaswal เป็นชาวอินเดีย และได้รับการขนานนามว่า "เด็กผู้ชายที่ฉลาดที่สุดในโลก" เพราะมี IQ ถึง 146 และได้รับการยอมรับว่าเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในเด็กที่อายุเท่า ๆ กันในอินเดีย ประเทศที่มีประชากรนับพันล้านคน

Akrit กลายเป็นจุดสนใจของสาธารณะในปี 2000 เมื่อเขาได้ทำการรักษาคนไข้คนแรกที่บ้านของเขาเองเมื่อมีอายุเพียง 7 ขวบ คนไข้เป็นเด็กผู้หญิงอายุ 8 ขวบ มีฐานะยากจนไม่มีเงินพอที่จะไปหาหมอได้ มือของเธอถูกไฟลวกทำให้นิ้วมือกำแน่นติดกัน Akrit ในตอนนั้นยังไม่ได้เรียนแพทย์อย่างเป็นทางการและยังไม่มีประสบการณ์ในการผ่าตัดใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เขาก็สามารถทำให้นิ้วมือของเด็กหญิงคลายออกมาได้และใช้มือได้เป็นปกติอีกครั้ง ขณะนี้ Akrit กำลังเรียนปริญญาตรีวิทยาศาสตร์อยู่ที่ วิทยาลัย Chandigarh และเป็นนักศึกษาที่อายุน้อยที่สุดที่มหาวิทยาลัยอินเดียเคยรับเข้าเรียน

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2552

นิยามรักของแต่ละคณะ ~~~


เภสัช: แค่ก ... แค่ก ... ขอยาให้ฉันหน่อย ฉันมีอาการ ไอ ....เลิฟ ยู

พยาบาล: หน้าที่ของฉันคือเยียวยา พอรักษาหายเธอก็จากไป

สัตวะ : Love me, love my dog

นิเทศ: อกหักไม่ใช่เรื่องใหญ่ ยังเล่นใหม่ได้อีกหลายเทค คิคิ

นิติ โธ่เอ๊ย: ....ความรักนี่ช่างไม่ยุติธรรมเลย

บัญชี : คำนวณตัวเลขอาจใช้เวลาเพียงเสี้ยวนาที แต่คำนวณใจเธอนั้นสิต้องใช้เวลาเป็นปี

รัฐศาสตร์: สาวรัฐศาสตร์ขอบอกเธอว่า รัก...สาด...สาด

ครุศาสตร์: ฉันสามารถสอนเธอได้ทุกอย่าง แต่มีเรื่องเดียวที่อยากให้เธอสอนฉัน

อักษรศาสตร์, มนุษยศาสตร์: หว่ออ้ายหนี่ ติอาโม เฌอแตม ไอเลิฟยู รักหลายเด้อ

เศรษฐศาสตร์ : ได้ใจเธอคือกำไร เธอไม่สนใจคือเท่าทุน

วิทย์คอม : โครงการพัฒนา software Heartdisk ของเธอมีกี่ "กิ๊ก" ส่งใจไปเท่าไหร่ก็ไม่เต็มซักที

แพทย์ :บุหรี่ฉันก็ไม่สูบ สุขภาพก็ดูแลดี แต่พอเจอเธอทุกที ... มีอาการโรคปอดไจขึ้นทันใด

วิทยา: ความรัก ♥ ไม่มีสูตรตายตัว

ศิลปกรรม : ปั้นเท่าไหร่ก็ไม่เหมือน เพราะเธอน่ารักขึ้นทุกวัน

วิทย์กีฬา : ร่างกายแข็งแรง แต่หัวใจอ่อนแอ

สหเวช : ไม่รู้ว่าเครื่องเอกซเรย์เสียหรือเปล่า เพราะเอกซเรย์ลงไปก็เจอแต่หน้าเธอ

สถาปัตย์: รักออกแบบไม่ได้ ♥

ทันตะ: ถ้าตรวจฟันฉันคงเจอแมงกินฟัน ถ้าตรวจหัวใจฉันคงเจอเธอกินใจ หุหุ

วิศวะ: คณะนี้ผู้ชายมันเยอะนี่หว่า ...ดูไปดูมานายก็น่ารักดีนะ

ประวัติศาสตร์: เก็บเธอไว้ในอดีต แล้วมาศึกษาหลักฐานชิ้นใหม่ ข้อมูลแน่นกว่า

โบราณคดี : ..หลักฐานมีอยู่ แต่พยานได้ตายไปหมดแล้ว 555


อาจจะน้ำเน่านิดๆ

สิ่งที่ไอสไตน์เคยพูดไว้ในอดีต


Knowledge is not wisdom : ความรู้ไม่ใช่ปัญญา

Knowledge is limited , imagination encircles the word : ความรู้มีขอบเขตจำกัด แต่จินตนาการไร้ขีดจำกัด

Imagination is more important than knowledge : จินตนาการสำคัญกว่าความรู้

Curiousity has its own reason for existing : ความอยากรู้อยากเห็นไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผล

A person starts to live when he can live outside himself : บุคคลจะเริ่มมีชีวิตที่แท้จริงก็ต่อเมื่อเขาสามารถดำ เนินชีวิตโดยหลุดพ้นจากตัวตน

Sometimes o­ne pays most for the things o­ne gets for nothing : บางครั้งคนเราก็ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อสิ่งไร้ค่ า

Anyone who has never made a mistake has never tried anything new : ผู้ที่ไม่เคยทำอะไรผิดเลย คือผู้ที่ไม่เคยพยายามทำอะไรใหม่เลย

Only a life lived for others is a life worth while : มีเพียงชีวิตเพื่อผู้อื่นเท่านั้นที่มีคุณค่าแก่การมีชีวิต

Everything should be made as simple as possible,but not simpler : ทุกสิ่งจะต้องทำอย่างเรียบง่ายเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่ใช่แก้ไขให้ง่ายขึ้น

We still do not know o­ne thousandth of o­ne persent of what nature has revealed to us : สิ่งที่เรารู้มีเพียงหนึ่งในพันของหนึ่งเปอร์เซนต์ขอ งส่งที่ธรรมชาติเผยให้เราพบเห็น

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2552

อันดับประชากรที่หน้าตาดีที่สุดในโลก แต่ละประเทศ

จากประชากร ค่าเฉลี่ย จากชายและหญิง คิดเป็น%แล้วจัดอันดับดังนี้

อันดับ 1 อังกฤษ
อันดับ 2 อเมริกัน
อันดับ 3 เยอรมัน
อันดับ 4 สวีเดน
อันดับ 5 กรีซ
อันดับ 6 สวีสเซอร์แลนด์
อันดับ 7 ตุรกี
อันดับ 8 อิตาลี
อันดับ 9 ไต้หวัน
อันดับ 10 บราซิล
อันดับ 11 ญี่ปุ่น
อันดับ 12 ไทย (ตบมือให้ดังๆ ได้อยู่ในประเทศประชากรหน้าตาดีเป็นอันดับที่12 ^^v)
อันดับ 13 เวเนซูเอล่า
อันดับ 14 ฮ่องกง
อันดับ 15 จีน


เกณฑ์การวัดความหน้าตาดีคือ

1.ใบหน้า โครงหน้า ได้รูป สวย สมบูรณ์
2. ดวงตาเปรียบดังอัลมอนด์
3. ผิวพรรณสวยงาม
4. จมูกโด่งเป็นแท่งสันยาวสวยงดงาม
5. รูปร่างดีสมบูรณแบบ
6. ความมีเสนห์ ดึงดูด และ รังสีออร่า ที่แปล่งประกายออกมา
7.ไม่เคยผ่านการศัลยกรรม หน้าตาดีโดยธรรมชาติ

แต่ประชากรในภูมิภาคเอเชียจัดอันดับประเทศที่มีประชากรที่หน้าตาดี ในภูมิภาคเอเชีย

อันดับ 1 ไต้หวัน
อันดับ 2 ญี่ปุ่น
อันดับ 3 ไทย (วู้ว~ คนไทยไม่ธรรมดา~)
อันดับ 4 ฮ่องกง
อันดับ 5 จีน
อันดับ 6 เกาหลี
อันดับ 7 เวียดนาม
อันดับ 8 ฟิลิปปินส์
อันดับ 9 สิงค์โปร์
อันดับ 10 มาเลเซีย

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552

7 มารยาทที่คุณห้ามทำในต่างประเทศ ไม่งั้นคุณอาจตายได้


อันดับ 1 ห้าม "OK" ที่บราซิล (Give the "OK" Sign in Brazil)

สากล:ตกลง!! โอเค
บราซิล:ฮายบราซิล!! ฉันคือ ริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon) ของ USA ฉันกำลังจะไปแตะผ่าหมากคุณแล้ว
บราซิล คือดินแดนแห่งสาวสวย หาดทรายขาว และวัฒนธรรมเปิดกว้างเป็นมิตร แต่ถ้าคุณทำมือโอเคแก่ชาวบราซิลละก็ จากมิตรจะกลายเป็นศัตรูทันใด!!
ในบราซิลการทำมือ โอเคหรือตกลงนั้นไม่ควรนำมาใช้อย่างยิ่งเพราะการทำมือ "ตกลง" เป็นการแสดงอากัปกิริยาเทียบเท่าได้กับ"ฟักยู" ในอเมริกา(โชว์นิ้วกลาง)
เราไม่รู้ว่าประวัติของการห้ามทำสัญญามือของบราซิลนี้มีที่มาอย่างไร แต่มันก็เคยเกือบเป็นปัญหาประเทศมาแล้วเมื่อ ปี 50 นิกสันมายืนอเมริกาและในขณะก้าวจากเครื่องบิน ฝูงชนรัวกล้องถ่ายรูปประชิดตัว และขณะนิกสันกำลังก้าวไปขึ้นรถนั้นเอง เขาก็ทำมือโอเคทักทายต่อหน้ากล้องและประธานาธิบดีคนแรกของบราซิล แน่นอนคนบราซิลก็นึกว่านิกสันจะเตะผ่าหมากคนทั้งบราซิล
สรุปก็คือการมาเยือนของนิกสันในบราซิลครั้งนี้ก็คือการถูกต้อนรับด้วยปัสสาวะ,อึ ที่กระหนำปาใส่รถลีมูซีนที่ท่านนั่งอยู่ตลอดสองข้างทาง.......
อันดับ 2 ห้ามให้ของขวัญด้วยมือซ้ายข้างเดี่ยวในบางประเทศ ( Give a Gift With Your Left Hand, Pretty Much Anywhere)
สากล: ฉันมาแสดงความยินดีกับงานแต่งลูกสาวของคุณ เธอสวยมาก ฉันขอมอบของขวัญให้แก่ลูกสาวของคุณ เพราะฉันรักคุณ (ส่งด้วยมือซ้าย)
บางประเทศ: (อีกฝ่ายคิด)ฉันมาแสดงความยินดีกับงานแต่งลูกสาวของคุณ เธอไร้ค่ามาก เหมือนอาเจียนของสุนัขที่ฉันไปเจอมา ฉันขอมอบของขวัญนี้ให้ เพราะฉันเกลียดคุณ(ว่ะ)
ในบางประเทศถือได้ว่ามือซ้ายเป็นมือที่สกปรก โสโครก เพราะเรามักใช้มือซ้ายจับได้สิ่งที่ไม่ดีหลายอย่าง เช่นเรามักใช่มือซ้ายในการชำระล้างสิ่งปฏิกูลเวลาเข้าส้วม(สำหรับคนถนัดขวานะ,ลูบหน้า,นอกจากนั้นในบางวัฒนธรรมในบางประเทศเชื่อว่าคนถนัดซ้ายคือสมุนของซาตาน ส่วนคนถนัดขวาคือมนุษย์ ซึ่งในหลายประเทศที่ห้ามส่งของขวัญด้วยมือซ้ายก็มี อินเดีย,แอฟริกา, ศรีลังกา,ประเทศตะวันออกกลาง
พูดถึงการให้ของขวัญแก่คนต่างประเทศนี้ก็มีข้อความรู้อีกเยอะ เช่น อย่าใช้กระดาษขาวมาห่อของขวัญแก่คนจีน, อย่าให้ดอกไม้สีขาวแก่ชาวบังคลาเทศ ซึ่งมันอาจเป็นมารยาทเล็กๆ ที่คุณอาจต้องรู้ไว้เวลาจะถูกมิตรกับคนต่างชาติ เพราะคนต่างชาติไม่มองคุณเป็นคนขี่ม้าที่สี่ของบันทึกทางศาสนาของยิวแน่นอน(กษัตริย์ทั้งสี่ในศาสนาคริสต์ที่มอบของขวัญแก่พระเยซูคริสต์ในช่วงประสูติ)

อันดับ 3 ห้ามให้ดอกไม้เลขคู่ในรัสเซีย (Give an Even Number of Flowers in Russia) สากล: "ฉันชอบเสน่ห์ของเธอเหลือเกิน มันเลยขอมอบดอกไม้ให้แทนความรู้สึกของเรา
รัสเซีย: "ตาย! ตาย! ตาย! อ๊าคคคคคคคคคคคค"
ในรัสเซียดอกไม้จำนวนเลขคู่นั้นใช้ในงานศพเท่านั้นนะครับ และแน่นอนเกิดขึ้นเอาดอกไม้จำนวนคู่เป็นของขวัญให้คนรัสเซียละก็มีหวังได้เห็นหมัดแน่นอน เพราะมันเหมือนกับเราแช่งให้เขาตายเร็วๆ เวลาจะให้ดอกไม้แก่คนรัสเซียควรให้ดอกไม้เลขคี่ดีกว่าและคนรัสเซียก็ไม่ให้ความสำคัญแก่สีของดอกไม้มากนัก
พูดถึงรัสเซีย รัสเซียนี้มีประวัติวัฒนธรรมประเพณีที่ยาวนาน ถ้าเราศึกษาดีๆ จะพบข้อที่ห้ามทำนรัสเซียอยู่เยอะ เช่น ไม่ควรจับมือหรือหอมแก้มทักทายที่ประตูทางเข้าบ้าน,ห้ามปฏิเสธการดื่มอวยพร,เวลาไปเยี่ยมต้องเอาของที่ระลึกเป็นให้เจ้าภาพด้วย เป็นต้น

อันดับ 4 ห้ามจับมือทักทายเพศตรงข้ามในซาอุดิอาระเบียต่อหน้าคนอื่น (Say "Hi" to a Member of the Opposite Sex in Saudi Arabia)
สากล: "สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก"
ซาอุฯ: "สวัสดี ตอนนี้คุณมีความผิดฐานร่วมประเวณีผิดศิลธรรมของประเทศเราแล้วละ ชื่อของคุณจะอยู่แฟ้มประวัติอาชญากรรมแน่นอน"
ซาอุดิอาระเบียมี กฎหมายที่เคร่งศาสนาเพื่อป้องกันการผิดศีลธรรมต่างๆ นาๆ คุณอาจเห็นกฎหมายห้ามชายและหญิงมีชู้, ผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว(มันก็ดีนี้น่า) แต่ถ้าใครละเมิดอาจจะได้รับบทลงโทษที่แสนรุนแรงตามมาแน่นอน หนึ่งในนั้นก็มีกฎหมายห้ามผู้หญิง(รวมถึงผู้หญิงต่างชาติ)จับมือทักทายผู้ชายต่อหน้าสาธารณชนหรือสมาคม และผู้ชายใดๆ ที่ไม่ใช้สามีของเธอโดยปราศจากผู้ที่ไปเป็นเพื่อน ซึ่งเคยมีตัวอย่างมาแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ 2008 ผู้หญิงสหรัฐคนหนึ่งที่ติดต่องานโดยสนทนาและจับมือกับผู้ชายในStarbucks และถูกการจับกุมและถึงขั้นขึ้นศาล

อันดับ 5 ห้ามกินอาหารเหลือและเล่นกับอาหารในไทย/ฟิลิปปินส์/จีน (Finish Your Meal In Thailand / The Philippines / China)

สากล:นี้เป็นอาหารอร่อย แต่ตอนนี้กระเพาะฉันจุไม่ได้แล้วค่ะ ขออภัยด้วยที่กินเหลือ
เอเชีย: มองด้วยสายตาไม่พอใจ......
เจ้าภาพ-เจ้าของบ้าน(ของประเทศทั้งสาม)นั้นให้ความสำคัญกับแขกเวลามาบ้านคุณ พวกเขาจะจัดทำอาหารอย่างดีที่สุด โดยเลือกวัตถุดิบดีๆที่สุด อย่างไรก็ตามราคาวัตถุดิบในการทำอาหารในประเทศนั้นค่อนข้างแพงสำหรับเจ้าของบ้าน โดยราคาอาหารเลี้ยงแขกจานหนึ่งมันพอๆ กับเงินเดือนพวกเขาเหลายเดือนเลยแหละ นอกจากนี้ถ้าเราดูประวัติศาสตร์ก็จะเห็นว่าประเทศเคยมีประวัติศาสตร์ข้าวยากหมากแพงเกือบทั้งสิ้น ทำให้มีวัฒนธรรมการไม่ดูถูกอาหาร อย่ากินทิ้งกินขว้าง(อย่างไทยเราเคารพข้าว) ดังนั้นเวลาเวลาที่คุณกินอาหารเหลือเจ้าภาพบ้านนั้นอาจมองคุณในด้านลบและเกิดความรู้สึกไม่พอใจ ขุ่นเคืองจิตใจอย่างยิ่ง

อันดับ 6 ห้ามยกนิ้วโป้งที่ประเทศตะวันออกกลาง (Give the Thumbs-Up In The Middle East)



สากล: "กู๊ด มันยอดเยี่ยม"
ตะวันออกกลาง: "เดี๋ยวฉันจะเอานิ้วโป้งนายยัดรูตูดเอ็ง"
มันไม่เหมาะอย่างยิ่งที่ยกหัวนิ้วโป้งในตะวันออกกลางนี้ แม้ว่ายกนิ้วโป้งจะเป็นการแสดงอากิริยาสากลก็เถอะ เราไม่รู้ที่มาการห้ามนี้มาจากที่ใด แต่สัญลักษณ์การยกนิ้วหัวแม่มือนั้นเป็นสัญญาณที่เคยมากว่าพันปีมาแล้วในสมัยโรมัน การต่อสู้ในสังเวียนเลือด(โคโลเซียมหรือเวทีประลอง) พวกนักต่อสู้(ซึ่งเป็นทาส คนผิวดำ ยิว)ที่แพ้ในเวทีจะถูกตัดสินโดยเจ้าภาพว่าจะอยู่หรือตาย โดยถ้าเจ้าภาพจะทำมือเอานิ้วหัวแม่มือขึ้น-ลง ถ้ายกนิ้วโป้งขึ้นจะรอด แต่ถ้ายกหัวนิ้วมือลงนักสู้คนนั้นจะโดนฆ่า และแหล่งกำเนิดนี้ถูกนำไปเผยแพร่รอบๆ อาณานิคมของโรมในที่สุด ซึ่งมันก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นจริงความหมายดั้งเดิมของมันคงจะเป็น "อย่าฆ่านักโทษนะเว้ย เพราะตรูเป็นเจ้าชีวิตของพวกมัน"
อันดับ 7 ห้ามแบมือต่อหน้าชาวกรีก (Extend Your Hand, Palm Outward in Greece)

สากล:พอแล้วครับอิ่มแล้วครับ (เป็นภาษากายประมาณว่าผมไม่เอา)
กรีก: "นี่นายว่าหน้าฉันมีอุจจาระเรอะ!!"
ในประเทศกรีกการแสดงอากัปกิริยาโดยทำแผ่ฝ่ามือแบบนี้ต่อหน้าชาวกรีกนั้น ถือว่าเป็นการดูถูกพวกเขาครับ มันที่มาคือ ในสมัยอาณาจักรไบเวนไทน์ Byzantine เมื่อใดที่อาชญากรทำผิดอาญาเขาจะจับคนนั้นขังบนกรงและแห่เป็นขบวนพาเหรดบนหลังม้าตามท้องถนน และก็ทำมือแบบนี้ ซึ่งแน่นอนประชาชนที่เข้ามาดูก็สาปแช่งด่าทอ บางคนก็เอาหิน,ผักเน่าปาและบางคนร้ายกว่านั้นคือขว้างอุจจาระมาใส่หน้าเลย(อี๊.....) ถือว่าอับอายมากๆ ดังนั้นเวลาชาวกรีกเห็นคุณทำมือแบบนี้ละก็ ชาวกรีกจะนึกว่าคุณกำลังดูถูกพวกเขาอย่างมากๆ เพราะคุณเปรียบพวกเขาเหมือนนักโทษที่น่าอับอายนี้เอง


7 Innocent Gestures That Can Get You Killed Overseas!!!!







วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552

10 อันดับเมืองน่าอยู่ ของเอเชีย


อันดับ 1 สิงคโปร์
อันดับ 2 เมืองโกเบของญี่ปุ่น
อันดับ 3 เมืองโยโกฮามาของญี่ปุ่น
อันดับ 4 กรุงโตเกียว เมืองหลวงญี่ปุ่น
อันดับ 5 เขตปกครองพิเศษฮ่องกงของจีน
อันดับ 6 กรุงไทเป เมืองหลวงไต้หวัน
อันดับ 7 เขตปกครองพิเศษมาเก๊าของจีน
อันดับ 8 กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงมาเลเซีย (ปีที่แล้วอันดับ 9)
อันดับ 9 กรุงเทพฯ (ปีที่แล้วอันดับ 8)
อันดับ 10 เมืองจอร์จทาวน์ บนเกาะปีนังของมาเลเซีย
อันดับ 11 นครเซี่ยงไฮ้ของจีน
อันดับ 12 กรุงโซล เมืองหลวงเกาหลีใต้


เห็นด้วยไหม!!!

อาชีพน่าสน ของคนรุ่นใหม่

เพราะเดี๋ยวนี้มีอาชีพการงานผุดขึ้นมาใหม่ๆ เป็นดอกเห็ด (และแม้แต่เก็บดอกเห็ดก็เป็นงานน่าสนนะ) แถมคนที่กำลังเมียงมองหางานทำก็มีอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเพิ่งจบการศึกษามาหมาดๆ หรือโชคร้ายถูกปลดจนต้องหางานใหม่ รวมทั้งคนที่อยากเปลี่ยนงานไปทำอะไรใหม่ๆซะมั่ง ดังนั้น จึงอยากเล่าถึงอาชีพที่ผู้คนในยุคนี้อยากไขว่คว้าหามาทำกันจัง เพราะบางงานก็เท่ดี บางงานก็ทำให้เรียนรู้ อะไรต่อมิอะไรเพิ่มขึ้น แถมบางครั้งยังได้เรียนรู้ ถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างลึกซึ้งกว่าที่เคยรู้มาซะอีก จึงมีสิทธิต่อยอดไปทำธุรกิจส่วนตัวก็เยอะแยะไป งั้น อาชีพอะไรน้อ ที่ฮิตระเบิดในหมู่วัยรุ่น พ.ศ.นี้? แท่น แท้น ได้แก่....

1. อาชีพรับชิมไอศกรีม ไงล่ะ

อู้ หู อาชีพนี้เปิดโอกาสให้คนทำงานอยู่ท่าม กลางความหวานจ๋อย, เย็นเจี๊ยบ และเอร็ดอร่อยกับไอศกรีมหลากหลายรสชาติ--น่าอิจฉานะเนี่ย แล้วใครจะไม่ชอบมั่งอ่ะ แต่การทำงานเทสต์รสชาติของไอศกรีมในบริษัทที่ผลิตอาหารชนิดนี้ป้อนสู่ ตลาดน่ะ อาจทำให้คุณอ้วนขึ้นมาได้นะ เพราะต้องชิมบ่อยๆ ชิมหลายๆรส ใช่มะ แต่ขณะเดียวกันคุณก็ได้สนุกและเหมือนได้เล่นเกมกับรสชาติของไอศกรีมเหล่านี้ ไปด้วย นั่นแหละ อ้ออย่าลืม ต้องมี “ลิ้น” รับรสที่ยอดเยี่ยมที่จะแยกรสชาติต่างๆของไอศกรีมให้ได้ด้วยนะ

2. ตากล้อง/ช่างภาพ

โอ้ ยโหยว อาชีพนี้มีคนอยากจับจองนานแล้ว ยิ่งเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีของกล้องถ่ายรูป, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัยจนช่วยให้การถ่ายภาพสะดวกขึ้นกว่าเดิมด้วย แล้ว ก็ยิ่งมีหนุ่มสาวอยากโดดมาทำงานนี้กันตรึม แต่ถ้าอยากทำเป็นอาชีพจริงๆก็ควรเรียนรู้เพิ่มเติม ไม่ว่าเป็นเรื่องอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้, การจัดแสงและเงา, อารมณ์ของนางหรือนายแบบก่อนกดชัตเตอร์ ฯลฯ แต่ช่างภาพก็มีการแบ่งออกไปตามความถนัด เช่น ถนัดถ่ายแฟชั่น หรือถ่ายภาพกีฬา หรือเผื่ออยากเปิดร้านถ่ายรูปเองก็ยังได้ ถือเป็นช่องทางทำกินที่น่าสนใจมากทีเดียว เพราะถ้ามองว่าสนุกก็สนุก แถมบางรายได้ทำงานฉายเดี่ยวอีกต่างหาก

3. ที่ปรึกษาด้านการสร้างภาพพจน์ของคนดังๆ ดารานักร้องหรือเศรษฐีมีตังค์งี้

อาชีพ นี้เป็นงานยอดฮิตในต่างประเทศ ขอบอก เพราะบางทีคนดังๆหรือคนรวยๆซึ่งเป็นที่จับจ้องของสังคมดั๊นไปทำอะไรผิดขึ้น มา เช่น ไปเที่ยวผับ เที่ยวบาร์ แล้วถูกตำรวจจับตรวจสารเสพติดงี้ ไม่ว่าเสพจริง ไม่จริง ชื่อเสียงอาจติดลบแล้ว ใช่มะ ดังนั้น ที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์ก็จะมากู้เครดิตของพวกเขาคืนให้ไงล่ะ งานนี้มักได้เงินดี ถ้าแก้ไขเรื่องเฉพาะหน้าให้คนเด่นคนดังได้สำเร็จก็ได้เงินดีนะ

4. นักเขียนบทความท่องเที่ยว

วัยรุ่นฟังแล้วตาโตเลยดิ่ เพราะการท่องเที่ยวน่ะเป็นความใฝ่ฝันของทุกคนนี่หว่า หากคุณได้รับมอบหมายให้ทำงาน นี้ล่ะก็ โอ้ลันล้า...นอกจากได้เที่ยวแล้วยังได้ความรู้รอบตัวเพียบ แถมเผลอๆอาจได้แฟนต่างชาติด้วยอีก...โอ้จอร์จ มันยอดมากจริงๆ.

เป็นไงบ้างคะ แล้วเพื่อนๆ มีอาชีพอะไร เป็นอาชีพในฝันกันบ้างเอ่ย?

วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2552

knowledge

ความลับ ทำไมคนญี่ปุ่นถึงอายุยืนที่สุดในโลก!
หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ประเทศญี่ปุ่น เป็นชาติที่มีอายุขัยยืนยาวมากที่สุดในโลก ซึ่งนี่ถือเป็นการครองแชมป์มากกว่า 20 ปีแล้ว โดยมีอายุเฉลี่ยเกิน 100 ปี มากกว่า 20,000 คนเลยทีเดียว และเมื่อแยกย่อยลงไปในรายละเอียดต่างๆ จะพบว่าสุขภาพร่างกายของคนญี่ปุ่นมีคอเลสเตอรอลต่ำไม่ค่อยเป็นโรคอ้วนกับโรคหัวใจ

นี่เองที่ทำให้ใครต่อใครต่างอยากรู้คล็ดลับว่าทำไม “คนญี่ปุ่นถึงมีสุขภาพที่ดีได้ กระทั่งผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหารญี่ปุ่นชาวอังกฤษคนหนึ่ง ได้มีการทำสำรวจเกี่ยวกับอายุขัยในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก เพื่อเทียบวิเคราะห์ถึงเหตุผลและปัจจัยอันเกี่ยวกับอายุขัยที่ยืนยาวของคนญี่ปุ่นว่า


...เพราะอะไรคนญี่ปุ่นถึงมีคอเลสเตอรอลต่ำ?

…เพราะอะไรคนญี่ปุ่นถึงมีอัตราการตายจากโรคหัวใจต่ำ?

…และเพราะอะไรสุขภาพของคนญี่ปุ่นถึงเป็นแบบนี้ได้?


กระทั่งพบ “ความลับ” ว่า “อาหารญี่ปุ่น” คือตัวช่วยเสริมสุขภาพคนญี่ปุ่นให้ไม่มีปัญหาจากโรคภัยที่กล่าวมาได้ทั้งหมด อาหารที่ว่า เช่น ปลาดิบ - ซุปมิโซะ – เต้าหู้ – สาหร่ายคอมบุ (จากน้ำอุ่น) สาหร่ายโนริ (จากน้ำเย็น) เป็นต้น เหล่านี้ล้วนเป็นอาหารที่มีคอเลสเตอรอลต่ำ ปราศจากไขมันอิ่มตัว มีไอโอดีนและแร่ธาตุสูงมาก อีกทั้งยังมีอนุมูลเล็กๆ ที่ช่วยเสริมสุขภาพให้ดี ช่วยให้อาหารอร่อยยิ่งขึ้นด้วย

และเมื่อเจาะจงข้อมูลลงไปในพื้นที่ประเทศญี่ปุ่น ยังมีสิ่งที่น่าสนใจนั่นคือ พบว่า คนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่บนเกาะโอกินาวามาอัตราการเสียชีวิตจากภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน โรคมะเร็ง และโรคหัวใจน้อยกว่าส่วนอื่นในพื้นที่ของประเทศญี่ป่นและประเทศอื่นๆ ทั้วโลก

นั่นเพราะชาวโอกานาวามีการบริโภคน้ำตาล 25% เกลือ 20% และรับประทานผักเป็น 3 เท่า รับประทานปลามากกว่าเป็น 2 เท่า โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก ซึ่งมีโอเมก้า 3 ที่สำคัญต่อโครงสร้างการทำงานของสมอง เสริมสร้างระบบประสาท ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรเอธิลกลีเซอรอลในพลาสมา ควบคุมระดับไลโปโปรตีน และมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงหน้าองค์ประกอบของเกล็ดเลือด ที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคทางเดินหายใจ โรคไขมันในเส้นเลือดและโรคหัวใจ ทั้งยังช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ โรคหัวใจ ยังยับยั้งเซลล์มะเร็ง และโรคไขข้ออักเสบได้ด้วย

"อาหารทะเล" จึงเป็นเสมือนยาอายุวัฒนะหรืออาหารวัคซีน ที่ช่วยป้องกันโรคร้ายต่างๆ ซึ่งทำให้ชาวโอกานาวามีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2552

วิธีประหยัดค่าโทรแบบน่ารักๆ


ถ้าคุณเป็นแฟน คนหนึ่งที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกันบ่อยๆ แต่คุณก็คิดถึงเขา

อยากจะบอกเขา จึงต้องใช้วิธีโทรหาเขาตลอด หรือให้เขาโทรมาบอกบ้าง จนเป็นกิจวัตรประจำวันว่าคิดถึงเหมือนกัน ซึ่งนั่นหมายถึงค่าโทรศัพท์ที่เกิดขึ้น จึงขอแนะนำวิธีการลดค่าโทรศัพท์สำหรับกรณีนี้ โดยเฉพาะดังนี้

1. Save เลขหมายโทรศัพท์ ของแฟน ในมือถือเครื่องของคุณโดย SaveName ว่า 'คิดถึงเหมือนกัน' แทนชื่อแฟนของคุณ

2. Save เลขหมายโทรศัพท์ ของคุณ ในมือถือของแฟนโดย SaveName ว่า 'คิดถึงนะ' แทนชื่อของคุณ

3. เมื่อถึงเวลาที่จะต้องโทรหากัน คุณก็โทรหาแฟนสัก 1 - 2 ตู๊ดแล้ววางสาย ที่เครื่องของแฟนก็จะ Show Miss Call เมื่อListดูก็จะพบข้อความว่า 'คิดถึงนะ'

4. เช่นเดียวกัน เมื่อแฟนต้องการจะตอบว่า คิดถึงเหมือนกันก็ให้โทรหาคุณ แล้ววางสายShow Miss Callเมื่อList ดู คุณก็จะพบข้อความว่า 'คิดถึงเหมือนกัน '
เท่านี้คุณสามารถก็ประหยัดค่าโทรไปได้อย่างน้อยก็วันละ 6 บาท เก็บเงินไว้พาแฟนไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนดีกว่า
น่ารักดีเนอะ !!!!!!

Museums and Theaters


The Seoul Arts Center, located in southern Seoul, was Korea's first multi-disciplinary art and cultural center. The Center, covering a total land area of over 234,385 square meters and a total floor space of 120,951 square meters, opened in three stages from 1988 to 1993.


With its beautiful architecture, the Opera House has three separate theaters. The Opera Theater, with 2,278 seats, is equipped to host grand operas, ballets and more. Towol Theater, which can seat 669, is a medium-sized theater for plays, smaller-scale operas and modern dance. The Jayu Theater, which can accommodate a maximum of 350 people, is for experimental and avant-garde performances.

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2552

คฤหาสน์ที่ได้ชื่อว่าแพงที่สุด

วิลล่า เลโอโปลดา” (Villa Leopolda) คฤหาสน์หลังงามบนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในย่านวิลฟร็องช์-ซูร์ค-แมร์ (Villefranche-sur-Mer) ได้รับการบันทึกว่าเป็นบ้านหลังที่มีราคาซื้อขายแพงที่สุดในโลก…



คฤหาสน์ Updown Court Windlesham , Surrey , UKคฤหาสน์หลังนี้ จัดให้เป็นบ้านที่แพงที่สุดในโลก ด้วยมูลค่า 138 ล้านดอลล์ หรือราว 4,500 ล้านบาท โดยนิตยสาร Forbes นอกจากห้องนอนและห้องต่างๆแล้ว ยังมีห้องดูหนัง ขนาดความจุ 50 ที่นั่ง และถนนที่ปูด้วยหินอ่อน ทั้งหมด



คฤหาสน์ TranquilityLake Tahoe, Nevada, USAเท่าที่ผ่านสายตามา ผมชอบบ้านหลังนี้ที่สุด ทั้งรูปร่างและก็ชื่อมันด้วย บ้านอยู่ริมทะเลสาบทาโฮ ไม่ใหญ่มาก ดูดีมีสไตล์ และมีที่ดินกว้างขวางกว่า 210 เอเคอร์ เจ้าของคือนาย Joel Horowitz ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Tommy Hilfiger แต่แกบอกขายบ้านหลังนี้เสียแล้ว ด้วยราคา 100 ล้านดอลล์ หรือกว่า 3,200 ล้านบาทเลย


น่าอยู่จัง~
PS. I will happy if you near I will cheer if you run I wil fun if you share I will care if you sad I will mad if you cry I will die if you go ไม่เคยต้องการอะไร นอกจากการที่ได้มั่นใจว่าเธอรักฉัน...
เกี่ยวไหมเนี่ย!!!