วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Story happy new year!


HAPPY NEW YEAR




ชื่อเพลง Seoul Song

เป็นเพลงที่ให้ความ รู้สึกสดชื่น และรู้สึกชีวิตมีความหวัง ความหมายอาจฟังไม่รู้เรื่อง แต่ต้องลองฟังทำนองและดนตรีดูนะ บวกกับเสียงร้องที่ดี น่าจะทำให้หลายๆคนรักเพลงนี้ไปเลยล่ะ


เนื้อหาของเพลงอย่าง 'กรุงโซลเมืองแห่งโลกที่ใสสะอาดและเต็มไปด้วยเสน่ห์' ก็ยังสามารถสร้างความมั่นใจและเพิ่มความหวังให้กับชาวเมือง ท่ามกลางภาพลักษณ์ของกรุงโซลรวมถึงสถานที่ต่างๆที่ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่าง ชัดเจน

มีความสุขมากๆนะ^-^

วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ชะตากรรม "โลก" ผลกรรม “เรา” ในวันที่ร้อนจนเกินเยียวยา

นักวิทยาศาสตร์ที่เข้า ร่วมประชุม UNFCCC ที่กรุงโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก แสดงให้เห็นว่าถ้ายังไม่ลดก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง อุณหภูมิเฉลี่ยบนพื้นผิวโลกในปี 2100 จะเพิ่มขึ้น 2 (สีเหลือง) - 4 องศาเซลเซียส (สีส้ม) ในสิ้นศตวรรษนี้แน่นอน (AFP)

วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สัญลักษณ์วันคริสต์มาส

รูปภาพของ nathavut
สัญลักษณ์วันคริสต์มาส

สัญลักษณ์คริสต์มาสต่างๆ ที่น่าดึงดูดใจมีความเป็นสากลเท่าๆ กับที่มีความสวยงาม โดยรวมแล้วสัญลักษณ์เหล่านี้สื่อถึงความสงบสุขและจิตใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อ แผ่ ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับวันคริสต์มาสซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองคริสต สมภพ คริสต์มาสเป็นช่วงเวลาแห่งการให้ เป็นช่วงเวลาที่จิตใจของทุกคนเปล่งประกายไปด้วยความสงบสุขและความปรารถนาดี ผู้ที่ฉลองเทศกาลคริสต์มาสจะแขวนสัญลักษณ์เหล่านี้ไว้กับต้นคริสต์มาส ที่ประดับประดาด้วยไฟกระพริบ ของประดับที่เป็นประกายต่างๆ ริบบิ้นเส้นยาว และหิมะปลอมเพื่อเลียนแบบฤดูหนาว สัญลักษณ์เหล่านี้หลายชิ้นเป็นสิ่งแทนความรู้สึกที่เป็นมงคลอย่างวิเศษ ฉบับนี้เราได้นำความหมายที่อยู่เบื้องหลังสัญลักษณ์เหล่านี้มาบอกต่อ เพื่อให้การตกแต่งต้นคริสต์มาสของคุณในปีนี้เป็นกิจกรรมที่มีคุณค่ามากยิ่ง ขึ้น

นกพิราบคาบกิ่งมะกอก
นก พิราบเป็นสัญลักษณ์สากลแห่งความสงบ และเมื่อมาพร้อมกับกิ่งมะกอกก็จะหมายถึง “การขอให้ยกโทษให้” หรือ “การยอมให้” เบื้องหลังของสัญลักษณ์นี้มีความหมายที่สวยงามทีเดียว เพราะมันสื่อถึงการที่เราแสดงความนอบน้อมเพื่อให้เกิดความสงบสุขและความ ปรารถนาดีระหว่างมนุษย์ ด้วยเหตุนี้นกพิราบจึงเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงจิตวิญญาณแห่งคริสต์มาสซึ่ง เป็นส่วนหนึ่งของมิตรภาพและคุณงามความดีได้อย่างทรงพลัง

พอยน์เซ็ทเทียส์
พอยน์ เซ็ทเทียส์ (Poinsettias) หรือที่คนไทยเรียกว่า “ต้นคริสต์มาส” เป็นพืชท้องถิ่นของเม็กซิโกที่ตั้งตามชื่อของ โจแอล พอยน์เซ็ทท์ผู้เป็นทูตคนแรกของอเมริกาที่ไปประจำการที่ประเทศเม็กซิโก และเป็นผู้นำต้นไม้ชนิดนี้มายังอเมริกาในปี 1828 ชาวเม็กซิกันมองว่าพืชชนิดนี้เป็นสัญลักษณ์ของ “ดาวแห่งเบธเลเฮม” ดังนั้นพอยน์เซ็ทเทียจึงเข้ามามีความเกี่ยวพันกับฤดูกาลคริสต์มาส ดอกจริงๆ ของต้นพอยน์เซ็ทเทียจะมีขนาดเล็กและมีสีเหลือง แต่ส่วนที่อยู่ล้อมรอบดอกเป็นใบสีแดงสดใสขนาดใหญ่ซึ่งมักถูกเข้าใจว่าเป็น กลีบดอก

ต้นคริสต์มาส
ต้น คริสต์มาสถือกำเนิดขึ้นในประเทศเยอรมันในศตวรรษที่ 16 และชาวเยอรมันก็ตกแต่งต้นสนเฟอร์ของพวกเขาด้วยดอกกุหลาบ ผลแอปเปิ้ล และกระดาษสายรุ้งกันเป็นเรื่องธรรมดา กล่าวกันว่ามาร์ติน ลูเธอร์ ผู้ปฏิรูปนิกายโปรเตสแตนท์เป็นบุคคลแรกที่เริ่มนำเทียนไขมาจุดประดับที่ต้น คริสต์มาส ระหว่างทางที่กลับบ้านในคืนฤดูหนาวคืนหนึ่งที่ใกล้ถึงวันคริสต์มาส เขาตะลึงกับความงามของแสงดาวระยิบระยับที่ส่องลอดผ่านกิ่งไม้และต้นสนเฟอร์ ต้นเล็กๆ ที่อยู่นอกบ้านของเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงจำลองแสงดาวเหล่านี้ด้วยการนำเทียนไขมาติดเอาไว้ที่กิ่ง ของต้นคริสต์มาสในบ้านของเขา และไม่นานการปฏิบัติเช่นนี้ก็เป็นที่นิยมและแพร่หลายมาสู่อังกฤษช่วงศตวรรษ ที่ 19

มิสเซิลโท
เชื่อ กันว่ามิสเซิลโทมักถูกนำมาใช้เฉลิมฉลองการมาเยือนของฤดูหนาว ต้นพืชซึ่งมีใบเขียวตลอดปีนี้ถูกนำมาใช้ตกแต่งบ้าน เพราะเชื่อว่ามิสเซิลโทมีพลังวิเศษในการบำบัดโรคทุกชนิดตั้งแต่การมีลูกยาก ของผู้หญิงไปจนถึงการแก้พิษต่างๆ ชาวสแกนดิเนเวียนถือว่ามิสเซิลโทเป็นพืชแห่งความสงบสุขและความปรองดอง และมีความเกี่ยวพันกับเทพธิดาฟริกกาซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งความรักของพวกเขา ธรรมเนียมในการจุมพิตกันใต้ต้นมิสเซิลโทเกิดจากความเชื่อที่ว่าการจูบกันใต้ กิ่งของต้นพืชชนิดนี้จะช่วยเสริมสร้างความรักระหว่างคู่รักได้

พวงหรีดคริสต์มาส
การ แขวนพวงหรีดไว้ที่หน้าประตูเป็นธรรมเนียมที่เริ่มขึ้นในยุโรปที่มีการนำเอา กิ่งของต้นไม้ที่เขียวสดตลอดปีมาใช้ประดับทางเข้าประตูในช่วงคริสต์มาสเพื่อ เชื้อเชิญภูติแห่งป่าไม้เข้ามาในบ้าน ชาวยุโรปเชื่อว่าภูติเหล่านี้จะนำสุขภาพและโชคลาภที่ดีมาให้ ทุกวันนี้ผู้คนก็ยังคงประดับบ้านด้วยพวงหรีดที่ทำจากกิ่งฮอลลีและกิ่งไม้ที่ มีใบสีเขียวสดเพื่อเป็นการต้อนรับเพื่อนฝูงและญาติ รูปทรงกลมของพวงหรีดสื่อถึงความรักอมตะไม่มีวันโรยรา หยุดชะงัก หรือสิ้นสุด เพราะเป็นวงกลมแห่งความรักที่ต่อเนื่อง พวงหรีดคริสต์มาสมักประดับด้วยโบว์ กระดิ่ง และสัญลักษณ์แห่งเทศกาลแบบอื่นๆ

ดาว
ต้น คริสต์มาสหลายต้นจะมีดาวประดับอยู่บนยอด เชื่อกันว่าดาวเป็นสิ่งที่นำทางไปสู่ความประจักษ์แจ้งที่วิเศษและในสมัย โบราณก็มีการบูชากลุ่มดาวมากมาย เช่น กลุ่มดาว “หมีใหญ่” และกลุ่มดาว “หมีเล็ก” เป็นเสมือนเทพเจ้า ชาวฮิบรูโบราณใช้ “ดาวหกแฉกของเดวิด”เป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา ในขณะที่ “ดาวคริสต์มาสห้าแฉก” เป็นสัญลักษณ์ของดาวที่ปรากฏขึ้นเหนือนครเบธเลเฮมในคืนวันที่พระเยซูประสูติ ในหลายๆ วัฒนธรรม ดวงดาวเป็นสัญญาณของโชคลาภและการบรรลุเป้าหมายใหม่ๆ

ถุงเท้า
ใน ศตวรรษที่ 18 เด็กๆ ในฮอลแลนด์จะวางรองเท้า “คล็อก ชู” (clog shoes - รองเท้าเปิดส้นและคลุมนิ้วเท้าด้านหน้า คล้ายรองเท้าแตะ แต่จะยกพื้นขึ้น พื้นจะมีความหนาและแข็งแรงและคล็อกชูแบบดั้งเดิมจะใช้ไม้ในการทำพื้นรองเท้า ) ไว้ข้างเตาผิงโดยหวังว่า “ซินเตอร์คลาส” (Sinterclass) จะนำของขวัญมาใส่เอาไว้ให้ ต่อมาคล็อกชูก็กลายมาเป็นถุงเท้ายาว และซินเตอร์คลาสก็กลายเป็นซานตาคลอส จนถึงทุกวันนี้ผู้คนมากมายก็ยังใช้ถุงเท้าคริสต์มาสเป็นที่ใส่ของขวัญชิ้น เล็กๆ มอบให้แก่เด็กๆ และคนที่รัก


ลูกกวาดไม้เท้า
ว่า กันว่าขนมหวานชนิดนี้เตือนให้ทุกคนนึกถึงทุกอย่างที่เกี่ยวกับคริสต์มาสด้วย สีขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และความนิรมลของพระเยซู ส่วนแถบเล็กๆ สามแถบคือพระบิดา พระบุตร และพระจิต แถบหนาสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของโลหิตของพระเยซูที่หลั่งออกมาเพื่อชำระบาปของ มนุษย์ เมื่อมองไปที่ปลายโค้งงอที่อยู่ด้านบน จะดูเหมือนไม้เท้าของคนเลี้ยงแกะ เนื่องจากพระเยซูคือชุมพาบาลของมวลมนุษย์ และเมื่อกลับด้านบนลงมา ก็จะกลายเป็นตัวอักษร J ซึ่งแทนชื่อของพระเยซู (Jesus)

ซานตาคลอส
ซานตาคลอส เป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลองรื่นเริงและของขวัญมากมาย ต้นกำเนิดของซานตาคลอสก็คือนักบุญนิโคลาสผู้มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 4 เขาเป็นที่เลื่องลือในเรื่องความรักเด็กและมีถุงของขวัญใบใหญ่ ภาพของซานตาคลอสในปัจจุบันคือชายร่างอ้วนหน้าตายิ้มแย้มในชุดสีแดง และซานตาคลอสยังทำให้เรานึกถึงพระยิ้มของจีนอีกด้วย


Marry Chirstmas !!

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

คนทั่วโลก 2 ใน 3 เอาใจตัวเองด้วยสิ่งฟุ่มเฟือย

ภาำพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหาข่าว

ผลการสำรวจคนทั่วโลกพบว่า 2 ใน 3 ซื้อสิ่งฟุ่มเฟือยให้ตัวเองเป็นครั้งคราว แต่หลังจากนั้น 1 ใน 3 จะรู้สึกผิด

ซินโนเวท บริษัทวิจัยการตลาดสอบถามคน 8,100 คนในบราซิล แคนาดา ฝรั่งเศส ฮ่องกง อินเดีย เนเธอร์แลนด์ สเปน ไต้หวัน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) อังกฤษและสหรัฐเมื่อเดือน ต.ค.พบว่า สิ่งฟุ่มเฟือยสำหรับแต่ละคนมีความหมายแตกต่างกันไป ผู้ตอบ 1 ใน 3 เห็นว่าทุกอย่างที่นอกเหนือความจำเป็นคือสิ่งฟุ่มเฟือย เกือบ 1 ใน 5 บอกว่า การมีเวลาทำในสิ่งที่ต้องการถือเป็นความฟุ่มเฟือย บางคนเห็นว่าการได้รับสิ่งฟุ่มเฟือยที่ไม่ทำให้รู้สึกกระดากเป็นเรื่องสมควร แล้ว บางคนพึงพอใจกับสิ่งฟุ่มเฟือยแต่ก็คิดว่าไม่ควร ขณะที่บางคนไม่สามารถซื้อหาแต่ก็อยากได้

ผลการสำรวจพบว่า ชาวอังกฤษร้อยละ 72 ซื้อของฟุ่มเฟือยเอาใจตัวเอง แต่หลังจากนั้นครึ่งหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงมักรู้สึกผิดที่ซื้อมา เช่นเดียวกันชาวอเมริกันที่มีความรู้สึกแบบนี้ บรรดาร้านค้าปลีกในสหรัฐจึงปรับเปลี่ยนกลยุทธ์สินค้าและราคาให้สอดคล้องกับ ผู้บริโภคที่จับจ่ายอย่างประหยัดมากขึ้น ในทางกลับกันชาวอินเดีย บราซิล และเนเธอร์แลนด์ ไม่ค่อยรู้สึกผิดเมื่อซื้อของฟุ่มเฟือยเพราะส่วนใหญ่พวกเขาจับจ่ายอย่าง ไตร่ตรองอยู่แล้ว ผู้ตอบเกือบครึ่ง ส่วนใหญ่เป็นชาวอินเดีย ฮ่องกงและยูเออีนิยมซื้อของที่มีตราของนักออกแบบชื่อดังเพื่ออวดเพราะมีค่า นิยมว่า ในเมื่อมีก็ต้องอวด ขณะที่ชาวบราซิล ฝรั่งเศสและอังกฤษไม่ชอบให้ตราประกาศหราอยู่บนสินค้า และเมื่อถามว่าอยากได้สิ่งฟุ่มเฟือยใดมากที่สุดโดยไม่ต้องสนใจเรื่องเงิน คำตอบอันดับหนึ่งคือ รถหรู รองลงไปคือ อัญมณี เสื้อผ้าแบรนด์ดัง และอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ

วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ภาพหายาก! ควีนอังกฤษเสด็จประทับบนรถไฟ

เหตุเกิดที่ชานชลา 11 บี สถานีคิงครอส
เดลิเมล์ - ภาพหญิงสูงวัยขณะะก้าวขึ้นรถไฟภาพนี้ ไม่ใช่ภาพของสุภาพสตรีทั่วๆ ไป แต่เป็นสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ซึ่งทรงซื้อตั๋วโดยสาร(ในราคาผู้สูงอายุ) เสด็จออกนอกเมือง เพื่อเตรียมฉลองเทศกาลคริสต์มาสกับพระบรมวงศานุวงศ์ในแคว้นนอร์ฟอล์ก

แม้ไม่มีหมายกำหนดการประกาศให้ประชาชนทราบอย่างเป็นทางการ แต่ผู้โดยสารที่กระจัดกระจายอยู่ที่สถานีคิงครอสในกรุงลอนดอน กลับมาออกันที่ชานชาลา 11 บี เมื่อทราบว่า หนึ่งในผู้โดยสารที่ตีตั๋วชั้นหนึ่งนั้น คือ พระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งกำลังจะเสด็จแปรพระราชฐานไปยังพระตำหนักแซนดริงแฮม ในช่วงคริสต์มาสนี้

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อเช้าวันพฤหัสบดี(17) ที่ผ่านมา แอนดรูวส์ สมิธ ผู้โดยสารเที่ยวเดียวกัน กล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “เหลือเชื่อ ภรรยาผมคงไม่เชื่อผมแน่ๆ” ขณะที่นักเดินทางบางส่วนรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยเมื่อตำรวจปิดกั้นพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่พระองค์เพียง 5 นาทีก่อนที่รถไฟจะออกเดินทาง

ประมุขแห่งราชอาณาจักรอังกฤษ มีข้าราชบริพารติดตามเพียงไม่กี่คนในการเสด็จครั้งนี้ ประทับนั่งในตู้โดยสารที่มี 8 ที่นั่ง โดยพระองค์ทรงนั่งเคียงข้างองครักษ์ในห้องโดยสารที่มีบานประตูกั้นแยกจากที่ นั่งห้องอื่นๆ ทรงมีท่าทางผ่อนคลายอย่างเป็นที่สุด ขณะที่มีปฏิสันถารกับองครักษ์ในการเดินทางบนขบนรถไฟเฟิร์สแคปิตอลคอนเน็ก ไปยังสถานีคิงสลิน สถานีที่ใกล้กับพระตำหนักซานดริงแฮมที่สุด

และมีเพียงเด็กน้อยคนเดียวเท่านั้นที่ฝ่าด่านความปลอดภัยเข้าไปได้ เมื่อเด็กน้อยวิ่งไปตามทางเดิน ขณะที่พ่อวิ่งไล่ตาม แต่เด็กน้อยก็ได้แต่เพียงชะเง้อหน้าขึ้นมองบานกระจกรถไฟ เขาตัวเล็กเกินไปที่จะเอื้อมกดปุ่มเปิดประตู อย่างไรก็ตาม เด็กชายได้รับรอยยิ้มสดใสจากสมเด็จพระราชินี ผู้มีพระชนมายุ 83 พรรษาแล้วในปีนี้

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสถานียืนยันว่า สมเด็จพระราชีนีอลิซาเบธที่ 2 และข้าราชบริพารของพระองค์ทั้งหมดได้จ่ายเงินซื้อตั๋วโดยสาร โดยราคาตั๋วไป-กลับ(ยังไม่ระบุเที่ยวกลับ) สำหรับวันนั้น คือ 86 ปอนด์ (4,655 บาท)แต่เขากล่าวติดตลกว่า พระองค์จะทรงได้ประหยัดเงินมาก เพราะซื้อตั๋วในราคาผู้สูงอายุได้และจากการซื้อตั๋วล่วงหน้า ทั้งนี้ ราคาตั๋วล่วงหน้าสำหรับรถไฟชั้นหนึ่งในราคาลดแล้วอยู่ที่ 44.40 ปอนด์(2,403 บาท)

ทั้งนี้ หลังจากถึงสถานคิงสลิน เมื่อเวลา 12. 20 น. รถแลนด์โรเวอร์ก็มารอรับพระองค์ต่อไปยังซานดริงแฮม การเดินทางครั้งนี้ พระองค์เสด็จเพียงลำพัง โดยดยุคแห่งเอดินเบอระ พระสวามี ทรงเดินทางไปก่อนหน้านี้สองสามวัน โฆษกของเฟิสต์แคปิตอลคอนเน็ก ระบุว่า พระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ไม่ได้รับการปฏิบัติพิเศษเหนือกว่าผู้โดยสารธรรมดา และพระองค์ก็ซื้อตั๋วล่วงหน้าด้วย

ด้านโฆษกสำนักพระราชวังบักกิงแฮม เผยว่า พระบรมวงศานุวงศ์ รวมถึงพระราชินีทรงเดินทางด้วยโรถไฟสาธารณะอยู่บ่อยๆ

“เราต้องพิจารณาเรื่องต่างๆ เช่น ความคุ้มค่าและความปลอดภัย และเราจะลองหากทุกอย่างเหมาะสม”

แน่นอนว่า สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษทรงมีสิทธิ์ใช้ขบวนรถไฟส่วนพระองค์ แต่การเดินทางแต่ละครั้งต้องใช้ภาษีของประชาชนถึง 57,142 ปอนด์ (3,090,000 บาท) เลยทีเดียว

ก้าวนี้เป็นก้าวที่ช่วยประหยัดงบให้แก่ท้องพระคลังจำนวนไม่น้อย


สาวน้อยถวายช่อดอกไม้ ขณะที่พระองค์มีพระพักตร์สดชื่น แจ่มใส


ทรงทอดพระเนตรออกมาจากหน้าต่างชั่วขณะก่อนออกเดินทาง


มีข้าราชบริพารติดตามมาไม่กี่คน

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552

มหาลัยผู้ดีเปิดหลักสูตรสอนก่อม็อบ

นักศึกษายุคนี้ต้อง เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยจนไม่มีเวลาคิดเรื่องการประท้วง กระทั่งมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในอังกฤษตัดสินใจเปิดหลักสูตรสอนการปลุกระดมมวล ชนมาชุมนุม
บีบีซีนิวส์ – ครั้งหนึ่งในอดีต การประท้วงของนักศึกษาเคยเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยพอๆ กับการเมาเละเทะในช่วงรับน้อง

แต่วันนี้กิจกรรมดังกล่าวเริ่มบางตาลง ดังนั้น มหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ ฮอลแลมในอังกฤษ จึงตัดสินใจเสนอบทเรียนให้แก่นักศึกษารัฐศาสตร์เกี่ยวกับวิธีจัดการชุมนุม

นักศึกษาจะต้องจัดทำโครงการเพื่อปลุกระดมการเคลื่อนไหว โดยจะใช้ประเด็นใดก็ได้ตามที่ต้องการ

ดร. แอนนาเบล เคียร์แนน ผู้นำหลักสูตรนี้ อธิบายว่านักศึกษายุคปัจจุบันไม่มีเวลาไปร่วมประท้วง เพราะต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ไม่ใช่ว่านักศึกษาไม่สนใจการเมือง และว่าหลักสูตรนี้จะเสนอประสบการณ์บางอย่างในการจัดการประท้วงให้แก่นัก ศึกษา

สตีเฟน คิงส์ตัน บรรณาธิการซัลฟอร์ด สตาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมสนับสนุนหลักสูตรนี้ บอกว่าสมัยที่เรียนคณะสังคมวิทยา มีแต่ทฤษฎี ไม่มีการปฏิบัติจริงแต่อย่างใด

“ตอนนี้ไม่มีใครพูดเรื่องการปฏิวัติ เราคุยกันแต่เรื่องทำอย่างไรจะให้ชุมชนมีสิทธิ์มีเสียงมากขึ้นและการช่วยเหลือเด็ก

“คำแนะนำของผมสำหรับนักศึกษาหรือหนุ่มสาวที่อยากออกหนังสือพิมพ์ แม็กกาซีนหรือเว็บไซต์คือ แค่ทำด้วยตัวเอง ดึงดูดผู้คนเข้ามามีส่วนร่วม และลืมเรื่องงบประมาณไปเลย”

โจทก์สำหรับนักศึกษาปีนี้คือการจัดการชุมนุมต่อต้านลัทธิฟาสซิสม์ และรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์ออกเสียงในการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมีขึ้นในปี หน้า

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ตำนานของนกพิกพารัมเซ

ครั้งนึงมีช่างตีดาบคนนึง

มีคู่หมั้นที่สวยมาก

แต่ก่อนที่ทั้งสองจะแต่งงานกัน

คู่หมั้นได้ตายเสียก่อนขอรับ

จากนั้นช่างตีดาบก็ไปเฝ้า

ที่หลุมศพของนางทุกวันไม่ยอมไปไหน

แล้วคืนนึงก็มีต้นบ๊วย

ขึ้นที่ข้างๆ หลุมฝังศพของนาง

ช่างตีเหล็กคิดว่านั่นคือคู่หมั้นของตน

ที่ตายจากไป เลยดูแลต้นบ๊วยนั่นอย่างดี

แต่แล้วช่างตีเหล็กก็เริ่มแก่ตัวลง

ยิ่งเขาแก่ตัวเท่าไหร่เขาก็ยิ่งกังวลมากเท่านั้น

ถ้าข้าตายไปใครจะดูแลต้นบ๊วยแทนข้า

แต่แล้ววันนึงก็เกิดเรื่องประหลาด

ช่างตีเหล็กคนนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

ชาวบ้านต่างก็เป็นห่วง

การหายไปของช่างตีเหล็กจึงพากันออกตามหา

แต่ก็ไม่พบ

กลับเจอถ้วยชาใบหนึ่งวางอยู่

พอ

เปิดออกก็มีนกพิกพารัมบินออกมา

จากนั้นนกตัวนั้นก็บินวน

อยู่ที่ต้นบ๊วยนั้นไม่ยอมไปไหน

ช่างตีเหล็กได้ตาย

แล้วกลายเป็นนกพิกพารัม

ถึงแม้ว่าจะตายไป

แต่ก็ไม่สามารถไปจากต้นบ๊วยได้

นั่นคือชะตาลิขิตของพวกเขา

แล้วคุณหล่ะเชื่อเรื่องชะตาลิขิตไหม



วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552

นักวิจัยวิจารณ์ "ซานตา"เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี -แนะลดความอ้วน-เลิกดื่มเหล้า



คริสต์มาสโชว์จากอควอเรียมในเมือง โยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น
เอเอฟพี - ผลการศึกษาจากออสเตรเลียเแพร่ออกมาวันนี้(17) ระบุว่า ซานตาคลอสควรจะลุกออกจากรถลากเลื่อนแล้วเดิน เลิกดื่มเหล้าบรั่นดี รวมทั้งเลิกรับประทานพายไส้เนื้อสับ พร้อมทั้งวิจารณ์ ซานตาว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เด็กๆ

ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยโมนาชของออสเตรเลีย เผยแพร่ในวารสารบริติช เมดิคัล เจอร์นัล ระบุว่า ภาพลักษณ์ของซานตาคลอสในปัจจุบัน ส่งเสริมความอ้วน คนดื่มแอลกอฮอล์ขณะขับขี่ยานพาหนะด้วยความเร็วสูง และวิถีการดำเนินชีวิตที่ผิดหลักอนามัย

"ในเชิงระบาดวิทยาแล้ว พบว่ามีความเกี่ยวข้องกันระหว่างประเทศซึ่งเชื่อถือในซานตาคลอสกับประเทศที่ พบเด็กอ้วนจำนวนมากด้วย" และแม้ว่าความเชื่อมโยงดังกล่าว จะยังไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นความจริง แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ซานตาจะเป็นผู้ส่งเสริมสารที่ว่า "ความอ้วนมีความหมายเท่ากับความแจ่มใสและร่าเริง" ผลการศึกษาระบุ

นักวิจัยยังระบุว่า ซานตาควรจะลดน้ำหนัก ธรรมเนียมการให้เขากินคุกกี้ พายเนื้อสับ นม เหล้าบรั่นดี และเหล้าองุ่น ก็ควรจะยุติลงได้แล้ว พร้อมกับแนะนำว่า ซานตาควรจะหันมากินแครอท และผักขึ้นช่ายทนที่มักจะมีอยู่ในรถเลื่อนของเขาแทน นอกจากนั้น ซานตาควรได้รับการกระตุ้นให้นำวิธีการซึ่งใช้พลังงานมากกว่านี้มาใช้เพื่อ ส่งของขวัญ เช่น เปลี่ยนจากการใช้กวางเรนเดียร์มาเป็นการปั่นจักรยาน เดิน หรือวิ่งจอกกิ้งด้วย

ผลการศึกษายังตั้งคำถาม เรื่องการดื่มบรั่นดีของซานตา โดยระบุว่า บรั่นดีจำนวนมากที่มีอยู่บนรถเลื่อนของเขานั้นหมายความว่ามีบ้านนับพันๆ หลังที่เขาต้องไปเยี่ยม และเขาจะต้องเร่งใช้ความเร็วจนเกินพิกัดเพื่อจะไปเยี่ยมบ้านให้ครบทุกหลัง ภายในเวลาจำกัดด้วย

นอกจากนี้ การสวมบทบาทเป็นซานตา ยังมีแนวโน้มเป็นผู้แพร่เชื้อโรค โดยหากพวกเขาจามหรือไอประมาณ 10 ครั้งต่อวัน ขณะที่มีเด็กๆ นั่งอยู่บนตักของพวกเขา เด็กๆ เหล่านั้นอาจได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้ และถึงแม้ซานตาจะไม่ได้รับอนุญาตให้สูบบุหรี่ในที่สาธารณะ แต่ภาพของซานตาขณะกำลังเพลิดเพลินกับการสูบยาสูบหรือซิการ์ยังคงปรากฏอยู่บน การ์ดวันคริสต์มาส

ผลการศึกษายังกล่าวหาว่า ซานตาส่งเสริมการขับรถเร็ว ไม่เคารพกฎจราจร และเล่นกีฬาผาดโผน เช่น การเล่นเซิร์ฟบนหลังคาบ้าน และการกระโดดลงในปล่องควัน อย่างไรก็ตาม ซานตาไม่เคยแสดงออกว่า เคยคาดเข็มขัดนิรภัยหรือสวมหมวกนิรภัยแต่อย่างใด

ทั้งนี้ นักวิจัยกล่าวสรุปว่า ความดังของซานตาควรจะถูกนำมาใช้เพื่อการส่งเสริมสุขภาพที่ดี และควรจะเสนอภาพลักษณ์ให้เขาใหม่ เช่น รูปร่างเพรียวลม และวิ่งอยู่บนเครื่องออกกำลังกาย เพราะเขามีอิทธิพลต่อผู้อื่น โดยเฉพาะกับเด็กๆ


10 เคล็ดลับ จำง่าย การอ่านหนังสือสอบ

book

1. ปิด ทีวี คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต mp3 มีสติอยู่กับหนังสือ
2. นั่งสมาธิสัก 5 นาที
3. อ่านหนึ่งรอบ แล้วสรุป โดยไม่เปิดหนังสือ
4. เช็คคำตอบ
5. อ่านอีกหนึ่งรอบ
6. สรุปใหม่ เปิดหนังสือได้เอาไว้อ่าน
7. ถ้าทำเป็น Mind Mapping จะอ่านง่ายขึ้น
8. มีเอกสารอะไรที่ครูแจก อย่าคิดว่าไม่สำคัญ
9. ท่องในส่วนที่ครูพูดย้ำบ่อยๆ อย่างน้อย 2 ครั้ง/คาบ
10. ก่อนวันสอบ ห้ามหักโหมอ่านหนังสือถึงเที่ยงคืน เพราะสมองจะไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น

วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552

"เจ้าชายวิลเลียม" สอบผ่านหลักสูตรนักบินขั้นก้าวหน้าแล้ว

แฟ้มภาพเดือนกุมภาพันธ์ -เจ้าชายวิลเลียม และพระอนุชา เจ้าชายแอรืรี(ขวา)
เอเอฟพี - เจ้าชายวิลเลียม พระโอรสองค์โตในเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษและเจ้าหญิงไดอานา ทรงเสร็จสิ้นหลักสูตรการฝึกขับเฮลิคอปเตอร์ขั้นก้าวหน้า และจะทรงฝึกต่อไปในปีหน้า เพื่อเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ช่วยเหลือและกู้ภัยของกองทัพอังกฤษ

สำนักพระราชวังเซนต์เจมส์แถลงว่า เจ้าชายวิลเลียม ผู้สืบสันตติวงศ์ลำดับสองของราชวงศ์อังกฤษ จะทรงได้รับเครื่องหมายปีกนักบินในช่วงปีใหม่นี้พร้อมกับนักบินร่วมรุ่น หลังจากนั้นจะทรงเริ่มเรียนรู้การบินกับเฮลิคอปเตอร์ซี คิง ต่อไปอีก

ปัจจุบัน เจ้าชายวิลลเลียม พระชนมายุ 27 ชันษา เข้ารับการฝึกเต็มเวลาเพื่อเข้าเป็นนักบินช่วยเหลือและกู้ภัยของกองทัพอากาศ อังกฤษ ซึ่งเป็นการเจริญรอยตามพระบิดา ที่เป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ของราชนาวีอังกฤษ และพระปิตุลาซึ่งทรงเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ซี คิง ในระหว่างสงครามเกาะฟอล์กแลนด์เมื่อปี 1982

ข่าวการสอบผ่านและจบหลักสูตรการบินก้าวหน้านี้ เกิดขึ้นท่ามกลางขาวลือที่ระบุว่า เจ้าชายวิลเลียมจะอภิเษกในปี 2012 ซึ่งเป็นปีทองของอังกฤษ เพราะสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่สองจะทรงขึ้นครองราชย์ครบ 60 ในปีนั้นพอดี

ยิ่งไปกว่านั้น ปี 2012 จะเป็นปีที่เจ้าชายวิลเลียมทรงมีพระชนมายุครบ 30 ชันษาอีกด้วย ซึ่งเป็นอายุที่หลายฝ่ายเห็นว่าเหมาะสมแล้วที่พระองค์จะอภิเษกกับ เคท มิดเดิลตัน ซึ่งทรงคบหามานาน 6 ปีแล้ว

ชี้เด็กชอบออกกำลังกายไอคิวสูงกว่า

วัยรุ่นชายที่ชอบออกกำลังกายมีแนวโน้มฉลาดเฉลียวกว่าเด็กวัยเดียวกันที่วันๆ เอาแต่นั่งๆ นอนๆ
เอเจนซี – ผลศึกษาจากสวีเดนระบุวัยรุ่นชายที่ชอบเล่นกีฬาฉลาดกว่าเพื่อนวัยเดียวกันที่นิยมฆ่าเวลาด้วยการนั่งๆ นอนๆ

นักวิจัยจากสถาบันการแพทย์ มหาวิทยาลัยโกเธนเบิร์ก ทำการศึกษาว่าความแข็งแรงของร่างกายหรือหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมีความเชื่อมโยงกับพลังสมองและสถานะทางเศรษฐกิจ และสังคมในอนาคตหรือไม่

ทีมนักวิจัยได้วิเคราะห์รายงานการศึกษาสภาพร่างกายและสติปัญญาผู้ชายสวีเดน 1.2 ล้านคนที่เกิดระหว่างปี 1950-1976 ในช่วงที่รายงานตัวเข้ารับการเกณฑ์ทหารเมื่ออายุ 18 ปี

นอกจากนี้ ยังมีการประเมินอิทธิพลทางพันธุกรรมและครอบครัว โดยพิจารณาผลการเรียนของพี่ชายหรือน้องชายและคู่แฝด ความสัมพันธ์ระหว่างผลการเรียนกับความสำเร็จในช่วงวัยกลางคน ซึ่งรวมถึงความสำเร็จด้านการศึกษาและหน้าที่การทำงาน

งานวิจัยที่นำโดยดร. เอช. จอร์จ คูห์น พบความเชื่อมโยงชัดเจนระหว่างความแข็งแรงของหัวใจและหลอดเลือดหัวใจกับความ เฉลียวฉลาด แต่ไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อกับระดับสติปัญญาแต่ อย่างใด

รายงานที่ตีพิมพ์ในวารสารโปรซีดดิงส์ ออฟ เดอะ เนชันแนล อะคาเดมี ออฟ ไซนส์ ยังระบุว่าการเปรียบเทียบผลการเรียนระหว่างคู่แฝดเป็นอีกประเด็นสำคัญที่ทำ ให้นักวิจัยเชื่อว่าพันธุกรรม ภูมิหลังทางสังคมละครอบครัวไม่มีเหตุผลในเรื่องนี้

คูห์นอธิบายว่าในบรรดากลุ่มตัวอย่างที่ประกอบด้วยคู่แฝดนับพันคน พบว่าคนที่แข็งแรงกว่ามักมีระดับไอคิวสูงกว่า
นักวิจัยเชื่อว่าการศึกษานี้มีนัยสำคัญสำหรับการศึกษาของวัยรุ่น กล่าวคือการเพิ่มเวลาเรียนพละศึกษาในโรงเรียนไม่ได้เพียงช่วยเปลี่ยนแปลงรูป แบบการใช้ชีวิตที่หนักไปทางนั่งๆ นอนๆ ของเด็ก แต่ยังช่วยส่งเสริมสติปัญญาและผลการเรียนด้วย

อย่างไรก็ดี นักวิจัยยอมรับว่ายังไม่รู้ชัดเจนว่าเด็กผู้ชายที่ทำกิจกรรมทางร่างกาย มากกว่าฉลาดกว่า หรือเป็นเพราะเด็กที่ฉลาดกว่าชอบออกกำลังกายมากกว่ากันแน่ จึงจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อหาคำตอบของเรื่องนี้ นอกจากนั้น ยังไม่มีเหตุผลที่จะสันนิษฐานว่ารูปแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับเด็กผู้หญิงเช่น กัน เนื่องจากผู้หญิงมีปัจจัยเสี่ยงด้านหัวใจและหลอดเลือดหัวใจเหมือนกับผู้ชาย ดังนั้น การออกกำลังกายจึงเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดหัวใจของผู้หญิง เช่นเดียวกัน