วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552

พิธีฉลองวันชาติเนี๊ยบแน่! จีนห้ามนกพิราบบินในปักกิ่ง

รัฐบาลจีนประกาศ ศักดาการสร้างชาติ “จีนใหม่” มาตลอด 60 ปี ในวันชาติปีที่ 60 ปี 2552 นี้ ด้วยการเนรมิตขบวนพาเหรดของเหล่าทหาร ให้ดูราวกับของเล่นเด็กที่เรียงรายเป็นแถวตรง-รอยเตอร์
“เหล่านกพิราบโปรดทราบ นับจากวันนี้ไปถึงวันที่ 1 ตุลาคม ห้ามบินผ่านบริเวณใจกลางกรุงปักกิ่ง”

นี่คือคำล้อเลียนถึงความเฮี๊ยบและเนี๊ยบสุดในการจัดการระเบียบและ รักษาความปลอดภัยระหว่างวันเฉลิมฉลองวันชาติปีที่ 60 ของสาธารณรัฐประชาชนจีน

“วันแซยิดใหญ่” ของพญามังกรที่กำลังเป็นดาวรุ่งของโลกในด้านพลังเศรษฐกิจ ต้องยิ่งใหญ่อลังการสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ประชาคมโลก เพราะสิ่งเหล่านี้มิผิดอะไรกับคำประกาศความสำเร็จของการสถาปนาสาธารณรัฐ ประชาชนจีนของผู้นำคอมมิวนิสต์

ผู้ นำจีนระดมสารพัดมาตรการเพื่อประกันความเนี๊ยบของพิธีและขบวนพาเหรดฉลองวัน ชาติในวันพฤหัสฯที่ 1 ตุลาคม ทั้งคำสั่งห้ามที่ทำให้หลายคนโวยลั่น อย่างการห้ามนกพิราบบินบริเวณใจกลางกรุงปักกิ่ง ห้ามเล่นว่าว ห้ามแอบมองจากช่องหน้าต่าง หรือยืนชมขบวนพาเหรดจากระเบียงอาคาร ห้ามขายมีดแม้แต่มีดหั่นผักปลอกผลไม้อย่างน้อยก็ในบางร้าน

แม้กระทั่งเมฆ หมอก ฝน ก็ยังถูกห้าม มิให้ออกมาทำท้องฟ้าสีฟ้าสดใสเปรอะเปื้อนด้วยสีทึมๆขุ่นมัว โดยกองทัพอากาศได้ใช้เครื่องบินพ่นสเปรย์สารเคมีสลายเมฆหมอก

จีนระดมกำลังตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 10,000 นาย ลาดตระเวนทั่วนคร อีกทั้งอาสาสมัครอีก 8 แสนคน เป็นกองหนุนช่วยรักษาความปลอดภัยตลอดทั้งวันคืนนั้น

สนามบินนานาชาตินครหลวงก็จะปิดเป็นเวลา 3 ชั่วโมงในวันพฤหัสฯ ที่ 1 ตุลาคม

นักหนังสือพิมพ์ 3 คน ประจำสำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่น เผยว่าตำรวจกลุ่มหนึ่งได้บุกเข้ามาในห้องพักโรงแรมที่พวกเขาพักอยู่ กระชากลากตัวพวกเขาออกจากระเบียงห้องขณะที่พวกเขากำลังยืนดูการซ้อมใหญ่ขบวน พาเหรดวันที่ 18 กันยายน

ความเนี๊ยบที่ชาวโลกจะได้เห็นในขบวนพาเหรดวันแซยิดใหญ่พญามังกร อันดับแรกคือขบวนพาเหรดของเหล่าทหารหาญ 5,000 นาย ของกองทัพมังกรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วยกองทหารมากถึง 2.3 ล้านนาย ขบวนแถวทหารจะถูกจัดกลุ่มตามความสูง ซึ่งทหารในแต่ลกลุ่มจะมีความสูงต่างกันไม่เกินกว่า 6 ซม. หรือราว ½ นิ้ว เป็นเด็ดขาด

และก็จะตามด้วยขบวนพาเหรดรถถัง พาหนะบรรทุกขีปนาวุธ ดาวเทียม และอุปกรณ์ทางทหาร ฝูงเครื่องบินกว่า 150 ลำ จะเหินฟ้าโชว์ลีลา พ่นไอน้ำสีสายรุ้ง

เหลียง กวงเลี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บอกว่าขบวนพาเหรดกองทัพจะสำแดงแสนยานุภาพของคลังอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย ทัดเทียมชาติที่พัฒนาแล้ว

ผู้บัญชาการกองทัพชั้นอาวุโสท่านหนึ่งเผยว่า ขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปที่สามารถยิงหัวรบนิวเคลียร์ จะประกาศศักดาอิทธิฤทธิ์กองทัพจีน

ฝึกกำลังกำลังฝึกการ เดินขบวนพาเหรดกองทัพอากาศระหว่างการฝึกซ้อมพาเหรดฉลองวันชาติจีนปีที่ 60 ชายกรุงปักกิ่งในเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้-รอยเตอร์
เบื้องหลังความอลังการ ของขบวนพาเหรดกองทัพ นายทหารต้องฝึกซ้อมเป็นเวลาหลายชั่วโมง ถือปืนไรเฟิลให้ออกมาเป็นภาพแถวทหารถือปืนโดยปลายกระบอกปืนอยู่ในระดับเสมอ กันเป๊ะ โดยผู้ฝึกได้เอาเข็มเย็บผ้าติดไว้ที่ปกเสื้อทหารเพื่อฝึกท่ายืนตรงคอตั้ง หากบิดเบี้ยวไปก็จะถูกเข็มที่คอเสื้อแทง บล็อกเกอร์จีนดีมือดียังได้เผยแพร่ภาพคอทหารที่เต็มไปด้วยรอยเข็มแทงระหว่าง ฝึกท่ายืนแถวนี้

สำนักข่าวซินหัวของรัฐบาลจีนยังเผยเองว่าทหารเหล่าต้องยืนนิ่งเป็น รูปปั้นถึง 4 ชั่วโมง ฝึกตระโกนพร้อมกัน “รับใช้ประชาชน!” “สวัสดี ท่านผู้นำอาวุโส!” และยังต้องฝึกเบิ่งตาโดยไม่กระพริบนานถึง 40 วินาที ให้ได้

นอกจากนี้ ในการฝึกซ้อมฯ ยังมีการเรียกผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ มาช่วยเหลือทหารที่ไม่สามารถฝึกท่าได้สำเร็จ ในวันที่ 12 กันยายน ทหาร 1,300 คน ต้องเข้าคิวพบจิตแพทย์

สำหรับมาตรการที่น่าทึ่งสุดคือ คำสั่งห้ามนกพิราบนับแสนๆตัวในเมืองหลวงออกบินเพ่นพ่านตั้งแต่กลางเดือน กันยายน อันเป็นมาตรการความปลอดภัย เนื่องจากอาจมีนกพิราบของหน่วยสายลับทางทหารหลุดหลงเข้ามาป่วนงาน นอกจากนี้ การเล่นว่าว การขับเครื่องบินทุกชนิด ก็ถูกห้ามเรียบ

อย่างไรก็ตาม ในวันฉลองวันเกิด 60 ปีของจีนใหม่ ก็จะยังมีนกพิราบจำนวนหนึ่ง ราว 60,000 ตัว ที่สามารถออกจากกรง ชักแถวโบยบินออกมา อันเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงฯ จากนั้น พวกมันก็จะต้องกลับเข้าไปอยู่ในกรองอีกเป็นอาทิตย์

ตง จิ้งเป่ย ประธานสมาคมนกพิราบ บอกว่าเขาเข้าใจความปรารถนาของผู้นำจีนที่ต้องการให้พิธีเฉลิมฉลองวันชาติปี นี้ออกมาเนี๊ยบอย่างไร้ที่ติ “แต่มันไม่ยุติธรรมเลย การกระทำแบบนี้ก็เหมือนกับจับนักกีฬาขังไว้ในห้องเล็กๆ เมื่อพวกเขาปล่อยมันออกมา พวกมันอาจมึน ไม่รู้ทิศไหนเป็นทิศเหนือ!”

ตงพยายามปลอบใจเจ้าของนกพิราบในสมาคมหลายคนที่ไม่พอใจกับมาตรการห้าม นกพิราบบิน จนพวกเขาเข้าใจถึงความปรารถนาแรงกล้าในการสร้างขบวนพาเหรดที่งดงามอลังการ ไร้ที่ติ แม้นกพิราบ ก็ยังต้องผ่านด่านตรวจของหน่วยรักษาความปลอดภัย “เพราะอาจมีผู้ประสงค์ร้ายป่อนทำลายงานเฉลิมฉลองใหญ่ ด้วยการติดมินิบอมบ์ไว้ที่ขานกพิราบ”

ป้ายประดับอวยพรวันชาติปีที่ 60 ของจีนในกรุงปักกิ่ง-เอเอฟพี

วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2552

สถานที่ท่องเที่ยว


ริเวียร่า ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นดินแดนสวรรค์ของนักท่องเที่ยวริมฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียน เมืองชายฝั่งทะเลที่มีพรมแดนติดต่อกันถึง 3 ประเทศอันได้แก่ อิตาลี, ฝรั่งเศส และสเปน นอกจากนี้ยังมีราชรัฐโมนาโก รัฐอิสระที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความร่ำรวยหรูหราและมั่งคั่ง เก็บตัวอย่างเงียบเชียบแต่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เขตฝรั่งเศสถูกเรียกว่าโก๊ดดาชูร์ ที่มีเมืองสำคัญอาทิ นีซ, กรา ซ และคานส์ ที่ทั่วโลกใช้เป็นเมืองประกวดภาพยนตร์ เส้นทางแห่งนี้ไม่ได้มีเฉพาะความเป็นเมืองตากอากาศ แต่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ ที่พระสันตะปาปาทรงย้ายจากกรุงโรมมาประทับอยู่ที่อาวีญง ปัจจุบันพระราชวังของโป๊ป ถูกเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เมืองโบราณในยุคกลางอย่างการ์กาซอนที่ไม่ซ้ำแบบเมืองในยุโรป ยังมีมนต์เสน่ห์ให้ผู้คนหลงใหล บาร์เซโลน่า นครหลวงแห่งคาตาลุนญ่า ในเมดิเตอเรเนียนที่สวยงามและคึกคักในยามค่ำคืน ผสมผสานประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ สิ้นสุดการเดินทางที่เมืองแมดริด เมืองหลวงที่อยู่สูงที่สุดของทวีปยุโรป ที่จะให้คุณประทับ ใจตลอดเส้นทางของการเดินทาง

เทศกาลปามะเขือเทศ

เทศกาล Tomatina ปามะเชือเทศ

เทศกาล Tomatina ปามะเขือเทศ

ภาพ จากงานเทศกาลปามะเขือเทศ La Tomatina เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ที่เมือง Buñol ประเทศสเปน งานนี้จัดเป็นประจำทุกปีในวันพุธสุดท้ายของเดือนสิงหาคม ในคืนก่อนวันปามะเขือเทศสด จะมีการแข่งทำอาหารประจำท้องถิ่นชื่อ Paella ผู้หญิงแต่งกายในชุดขาว ส่วนชายจะไม่ใส่เสื้อ ในเช้าวันปามะเชือเทศ จะมีเสาลื่นติดแฮมไว้บนยอดให้คนแข่งปีนไปเอามา ขณะที่คนอื่นๆร้องรำทำเพลงรออยู่ด้านล่าง เมื่อมีคนได้แฮมมาแล้วรถบรรทุกจะขนมะเขือเทศที่ปลูกมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะมา ให้ปากัน สัญญาณปาเริ่มเมื่อมีน้ำฉีด และจบลงด้วยน้ำฉีกซึ่งให้เวลาปามะเขือ 1 ชั่วโมง งานนี้จัดเต็มหนึ่งสัปดาห์ มีทั้งดนตรี, ขบวนพาเหรด เต้นรำและดอกไม้ไฟตอนกลางคืน

กระเป๋าตังก์สุดเก๋ "โอบา เหมา"



ภาพ ของหญิงสาวนางหนึ่งสะท้อนเงาอยู่ในกระจกของร้านจำหน่ายกระเป๋าใส่เหรียญของ “หลิว หมิงเจี๋ย” ผู้ออกแบบกระเป๋า กระเป๋าตังก์ และเสื้อยืดคอลเล็คชั่น “โอบา เหมา” ด้วยการนำใบหน้าของบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบันมาตัดต่อใส่ชุดของประธานเหมา และวางจำหน่ายในร้านย่านเขตท่องเที่ยว “โฮ่วไห่” ของปักกิ่งเมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เจ้าของร้านดังกล่าว เคยทำงานเป็นอดีตวิศวกรของบริษัทซีเมนส์ เอจีของเยอรมนี และบริษัทซิสโก ซิสเต็มของสหรัฐฯ ก่อนจะหันมาเริ่มเปิดร้านขายของเมื่อ 3 ปีก่อน จากนั้นก็เริ่มเปิดตัวสินค้า “โอบา เหมา” เมื่อฤดูร้อนที่ผ่าน และขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยทีเดียว – เอเอฟพี



แม็คเน็ต


หลิว หมิงเจี๋ย เจ้าของร้านและผู้ออกแบบ "โอบา เหมา"

ค่ายเพลงเกาหลีค่ายใดที่ชาวเน็ตอยากเข้ามาเป็นศิลปินในสังกัดมากที่สุด!?

จาก การสำรวจความคิดเห็นชาวเน็ตของเว็บไซต์ DCInside ในหัวข้อที่ว่า 'ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากจะก้าวมาเป็นนักร้อง ค่ายเพลงใดที่คุณอยากจะเข้ามาเป็นศิลปินในสังกัดมากที่สุดและค่ายเพลงใดที่ คุณรู้สึกวางใจมากที่สุด' ในระหว่างวันที่ 15-22 กันยายนที่ผ่าน มีจำนวนโหวตทั้งหมดรวมแล้ว 5,503 โหวต และนี่คือผลการจัดอันดับค่ายเพลงที่ชาวเน็ตใฝ่ฝันมากที่สุด

1.YG Entertainment (Big Bang, 2NE1)
2.SM Entertainment (Dong Bang Shin Ki,BOA,Super Junior, So Nyeo Shi Dae,SHINee,F(x))
3.Jungle Entertainment(Drunken Tiger, Yoon MiRae)
4.JYP Entertainment (WonderGirls, 2PM)
5.Hook Entertainment (Lee Seung Gi)
6.DSP Media (SS501, KARA)
7.Mnet Media (Lee Hyori, Ok Joo Hyun)
8.Good Entertainment (ShinHwa)
9.Pledis Entertainment (Son DamBi, After School)
10.IS Entertainment (SG Wannabe)
11.Star Empire (Jewelry)
12.Core Contents Media (T-ara, SeeYa)
13.Cube Entertainment (4Minute)
14.F&C Music (FT Island)
15.ค่ายอื่นๆ

แล้วคุณล่ะ คิดว่าค่ายเพลงใดน่าเข้ามาเป็นนักร้องในสังกัดมากที่สุด?


เด็กถนัดซ้ายชอบไปโรงเรียน-ถนัดขวาส่งการบ้านตรงเวลา

เด็กถนัดซ้ายขมีขมันตื่นเต้าเช้าไปโรงเรียน แต่ไม่ค่อยชอบทำการบ้าน
เดลิเมล์ - ผลศึกษาระบุเด็กถนัดซ้ายชอบไปโรงเรียนและสนิทสนมกลมเกลียวกับคุณครูมากกว่า แต่เด็กถนัดขวาทำการบ้านเสร็จก่อนและเขียนหนังสือสวยกว่า

นักวิจัยพบว่ามีนักเรียนถนัดซ้ายจำนวนมากกว่าที่กระตือรือร้นตื่นเต้าเช้าเพื่อไปโรงเรียน

การศึกษาเด็ก 2,000 คนยังพบว่าเด็กถนัดซ้ายบอกว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับครูมากกว่าเพื่อนถนัดขวา

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยพบว่าเด็กถนัดขวาขยันทำการบ้านมากกว่า แถมลายมือสวยงามน่าอ่านกว่า

สตาบิโล ผู้ผลิตดินสอที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อปรับปรุงทักษะการเขียนหนังสือของเด็ก เป็นผู้จัดทำการศึกษานี้ทั่วประเทศอังกฤษ โดยจับกลุ่มเด็กอายุ 7-11 ปี

"ที่ผ่านมาคนมักทึกทักว่าเด็กถนัดซ้ายมีปัญหาที่โรงเรียนมากกว่าเด็ก ถนัดขวา อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าเด็กถนัดซ้ายดูเหมือนชอบไปโรงเรียนมากกว่า และจริงๆ แล้วยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับครู" โฆษกของสตาบิโอกล่าว

เด็กถนัดซ้ายเกือบครึ่ง (47%) บอกว่ามีความสุขที่โรงเรียนจนกระทั่งแทบรอให้ถึงตอนเช้าไม่ไหว แต่เด็กถนัดขวาที่รู้สึกแบบเดียวกันนี้มีแค่ 38% เท่านั้น และมีถึงกว่า 1 ใน 20 ที่สารภาพว่าไม่อยากไปโรงเรียนเลย

เด็กถนัดซ้าย 63% ยังบอกว่าเข้ากับครูได้ดี เทียบกับแค่ 54% ของเด็กถนัดขวา

แต่เด็กถนัดขวารับผิดชอบการทำการบ้านได้ดีกว่า โดยมีเด็กถนัดซ้าย 14% ทำการบ้านเมื่อจวนตัวเท่านั้นหรือไม่ก็ไม่ทำเลย

ในทางตรงข้าม เด็กถนัดขวามากกว่า 1 ใน 3 ส่งการบ้านตรงเวลาเสมอ มีแค่ 5% ที่ทิ้งไว้จนสายเกินไป

นอกจากนี้ การศึกษายังพบว่าเด็กถนัดซ้าย 6 ใน 10 มีความสามารถเป็นเลิศในวิชาที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ เช่น ศิลปะและดนตรี โดย 42% บอกว่าได้คะแนนสูงสุดบ่อยๆ

เด็กที่ใช้มือซ้ายเป็นประจำ 1 ใน 5 ยอมรับว่าลายมือตัวเองเหมือนไก่เขี่ย เทียบกับแค่ 16% ของนักเรียนถนัดขวา

เด็กถนัดขวา 57% ยังบอกว่าชอบการเขียนหนังสือ ขณะที่เด็กถนัดซ้ายที่ชอบนั่งเฉยๆ เขียนหนังสือมีแค่ 50%

"แม้อังกฤษมีประชากรถึง 10-13% ที่ถนัดซ้าย แต่บ่อยครั้งที่ผู้ผลิตมีปัญหาในการออกแบบผลิตภัณฑ์สำหรับคนถนัดซ้ายโดย เฉพาะ" โฆษกของสตาบิโอทิ้งท้าย

เทคนิคการเลคเชอร์

เลคเชอร์ กับ การเรียน ถือเป็นของคู่กัน หากฟังอย่างเดียวแต่ไม่จด ผลคือ น้อยมากที่จะจำเนื้อหาได้หมด และอาจตกหล่นประเด็นสำคัญไป ดังนั้น การจดบันทึกจึงสำคัญ และเป็นประโยชน์เพื่อใช้ทบทวนภายหลัง มีเทคนิคจดเลคเชอร์มาบอกกัน

เลคเชอร์, จด, บันทึก, การเรียน, ความรู้, การฟัง



เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม เช่น 'สมุด' ควรใช้ 1 เล่ม ต่อ 1 วิชา เพื่อแยกเป็นสัดส่วน ป้องกันการสับสน 'ปากกา' อาจใช้หลายสี ไว้จดแยกสาระสำคัญของประเด็นต่าง ๆ

ไม่ควรจดทุกคำพูด แต่ควรฟังให้เข้าใจก่อน จากนั้นจับใจความสำคัญแล้วค่อย
บันทึก เป็นความเข้าใจของตัวเอง มีข้อสังเกต! ว่า การจดเกือบทุกคำพูดของอาจารย์ เมื่อกลับมาทบทวน หลายคนจะไม่เข้าใจ เพราะไม่ได้ทำความเข้าใจตามไปด้วย มุ่งอยู่กับการเขียนอย่างเดียว ทำให้ไม่รู้ที่มาที่ไป

ใช้คำย่อ-สัญลักษณ์เข้าช่วย ทำ ให้จดเร็วขึ้น อาจกำหนดตัวอักษรขึ้นเอง (แต่คนจดต้องเข้าใจด้วยว่า หมายถึงอะไร) ส่วนใหญ่นิยมใช้จากคำขึ้นต้นของคำนั้น ๆ รวมทั้งอักษรย่อที่เป็นมาตรฐาน

หากจดสาระสำคัญไม่ทัน ควรทำเครื่องหมายไว้ และบันทึกตามในประเด็นที่อาจารย์กำลังอธิบาย แล้วค่อยถามทีหลัง หากมัวพะวงจะทำให้จดไม่ทันทั้งหมด

ถามอาจารย์เมื่อไม่เข้าใจ อย่าปล่อยให้ผ่านไป เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่มักบูรณาการเกี่ยวเนื่องกันหมด หากไม่เข้าใจจุดหนึ่งจะทำให้งงกับส่วนอื่นตามไปด้วย และเมื่อได้คำอธิบายแล้ว อย่าลืมหมายเหตุไว้ เวลาทบทวนจะได้เน้นย้ำเป็นพิเศษ

ที่สำคัญ! เลคเชอร์แล้ว ต้องกลับไปทำความเข้าใจอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความฟิตสำหรับการสอบเทอมนี้กัน.

สิวบริเวณไหนสื่ออะไร??

เด็กดีดอทคอม :: สิวบริเวณไหนสื่ออะไร??; tags: สิว , ผิว , ผู้หญิง

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีนะคะว่า หน้าและแววตาใช้สื่อถึงความรู้สึกและอารมณ์ต่างๆ ได้แต่เพื่อนๆ ทราบรึเปล่าคะว่าผิวหน้าขของคนเราก็สามารถสื่อถึงสุขภาพภายในร่างกายได้ เหมือนกัน

เด็กดีดอทคอม :: สิวบริเวณไหนสื่ออะไร??; tags: สิว , ผิว , ผู้หญิง สิวบริเวณไหนสื่ออะไร??

วิธีการสังเกตถึงสุขภาพภายในร่างกายของเราหรือของคนใกล้ตัวเรานั้นด้วยศาสตร์ใหม่จากการวิเคราะห์สภาพผิวแบบ "Face Mapping" ซึ่งเป็นกระบวนการพิสูจน์และวิเคราะห์สภาพผิวด้วยศาสตร์ตะวันออกโดยกระบวน การดังกล่าวสามารถพิสูจน์ได้ว่าผิวหน้าสามารถบ่งบอกได้ถึงสุขภาพภายในร่าง กายที่มีผลกระทบต่อผิวพรรณ และทำให้เข้าใจได้ถึงสาเหตุการเกิดปัญหาสุขภาพได้อย่างที่คาดไม่ถึงเลยที เดียว

ส่วนสิวบริเวณต่างๆ บนหน้าจะบ่งบอกถึงปัญหาและภัยโรคร้ายได้อย่างนั้น สาวๆ ตามมาดูกันค่ะ

1. ถ้าเป็นสิวที่หน้าผากด้านซ้ายและขวาเกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหาร กระเพาะปัสสาวะ และต่อมหมวกไต

สาเหตุ : เพราะมีความเครียดสูงล้างหน้าไม่สะอาด เพราะทารองพื้น หรือแต่งคิ้วมากไป

2. หว่างคิ้ว อาจมีปัญหาในการย่อยแล็กโทส (ดื่มนมไม่ได้)

สาเหตุ : เพราะกินอาหารรสจัดหรือกินอาหารดึกเกินไป

3. ในหูทั้ง 2 ข้าง เกี่ยวข้องกับการทำงานของไต

สาเหตุ : ล้างแชมพูหรือสบู่ออกไม่หมดใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไป ดื่อกาแฟ แอลกอฮอล์หรือกินเนื้อสัตว์มากเกินไป หรือหากมีปัญหาสิวอุดตันช่วงในหูอาจแสดงว่าฟันกรามมีปัญหา หรือว่าเพิ่งผ่าตัดฟันมาหรืออาจเกิดจากการมีรอบเดือน

4. แก้มทั้ง 2 ด้าน แก้มส่วนบนเกี่ยวข้องกับไซนัสและปอดแก้มส่วนล่างเกี่ยวข้องกับเหงือกและฟัน

สาเหตุ : สูบบุหรี่จัด หรือแพ้ควันบุหรี่ ภูมิแพ้เป็นหวัดเรื้อรัง หรืออาจใช้บรัชออนและรองพื้นไม่เหมาะสมแต่ถ้าเป็นริ้วรอยลึกบริเวณโหนกแก้ม อาจบ่งบอกถึงปัญหาเรื่องปอดหรือการหายใจถ้ามีสิวแบบเป็นๆ หายๆ ที่แก้มด้านล่าง อาจมีปัญหาเรื่องเหงือกและฟันหรือโทรศัพท์มือถือไม่สะอาด

5. รอบดวงตาทั้ง 2 ข้าง เกี่ยวข้องกับการทำงานของไตปัญหาโรคภูมิแพ้

สาเหตุ : เครื่องสำอางที่ใช้อาจไม่เหมาะกับสภาพผิวหรือใส่แว่นตาที่เสียดสีมาก รอยคล้ำอาจเกิดจากการมีสารพิษตกค้างในร่างกายมากหรือพักผ่อนน้อยเปลือกตา หากมีความระคายเคืองอาจมาจากการเป็นภูมิแพ้หรือขาดสารอาหาร

เด็กดีดอทคอม :: สิวบริเวณไหนสื่ออะไร??; tags: สิว , ผิว , ผู้หญิง

6. จมูกและเหนือริมฝีปากเกี่ยวข้องกับการทำงานของหัวใจและระบบสืบพันธุ๋

หากมีผิวสีแดงเข้มที่จมูก อาจบ่งบอกถึงโรคความดันโลหิตสูงการอุดตัน หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ บอกถึงผลกระทบจากฮอร์โมน เช่น กำลังมีประจำเดือนวัยทอง การใช้ยาคุมกำเนิด

7. ใต้ริมฝีปากด้านซ้ายและขวาเกี่ยวข้องกับการทำงานของรังไข่

สาเหตุ : อาจทำความสะอาดได้ไม่พอหรือมาจาขาดความสมดุลทางฮอร์โมน

8. ปลายคาง เกี่ยวข้องกับกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก

สาเหตุ : อาจกิจอาหารรสจัดเกินไปจนลำไส้เป็นแผลหรือมีปัญหาในการดูดซึม

9. ลำคอและหน้าอก

สาเหตุ : เกิดจากความเครียด

เพื่อนๆ รู้อย่างนี้แล้วก็เริ่มหันมาสำรวจตัวเองได้แล้วนะคะ จะได้รู้ว่าตัวของเรามีความผิดปกติหรือมีโรคภัยไข้เจ็บอะไรแฝงอยู่หรือไม่ ... ใส่ใจกับตัวเองซักนิดเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงนะคะ

และ ถ้าหากไม่อยากเผชิญปัญหาสิงกวนใจล่ะก็ สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืมคือรักษาผิวหน้าให้สะอาดและคงสมดุลของผิวไว้ให้อยู่ใน สภาพที่ชุ่มชื้นตลอดเวลาด้วย ซึ่งตัวช่วยที่จะทำให้สาวๆ ผิวหน้าสวยใสได้นั้นก็ต้องนี่เลยค่ะ C&C Acne Kit ชุดรักษาสิว ขายดีมากๆ ในอเมริกา.. 100 % ของคนที่ลองใช้ เห็นผลใน 1 วัน.. ถ้าสาวๆ dek-d.comอยากหน้าใสกิ๊งรับหน้าหนาวละก็ รีบไปดูได้ที่วัตสันทุกสาขานะคะ..


เด็กดีดอทคอม :: สิวบริเวณไหนสื่ออะไร??; tags: สิว , ผิว , ผู้หญิง

อันดับประเทศที่มี 7-Eleven มากที่สุดในโลก




1. Japan 12,105 Stores

2.Taiwan 4,800 Stores

3.Thailand 4,778 Stores

4.South Korea 1,995 Stores

5.China (Hong Kong, Shenzhen, Guangzhou & Macau) 1,440 Stores

6.Malaysia 1,013 Stores

7.Mexico 969 stores

8.United States 586 stores

9.Canada 462 stores

10.Singapore 435 stores

11.Australia 378 stores

12.Philippines 368 stores

13.Norway 183 stores

14.Denmark 131 stores

15.Sweden 96 stores

16.Beijing, China 65 Stores

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

H&M แบรนด์อินเตอร์ ที่ 1 ในใจสาวยุโรป

เด็กดีดอทคอม :: H&M แบรนด์อินเตอร์ ที่ 1 ในใจสาวยุโรป; tags: เสื้อผ้า, ยุโรป, สวีเดน, แบรนด์เสื้อผ้า, shopping, H&M

H&M เป็นแบรนด์อินเตอร์สัญชาติสวีเดน โดยร้านแรกของ H&M
เปิดที่เมือง Västerås ประเทศสวีเดน ในปี ค.ศ. 1947 หรือประมาณ
กว่า 60 ปีมาแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้ H&M มีอายุยืนยาวมากว่า 60 ปี ก็
เป็นเพราะว่าเสื้อผ้าของ H&M มีหลายสไตล์ ตั้งแต่แนว Casual
(เรียบง่าย) ไปจนถึง Luxury (หรูหราฟู่ฟ่า) พร้อมกับคอนเซปท์
ที่ว่า Fashion and Quality at the Best price
สินค้าของ H&M แบ่งเป็น เสื้อผ้าผู้หญิง เสื้อผ้าผู้ชาย เสื้อผ้าเด็ก
เครื่องประดับ และเครื่องสำอาง และจนถึงปัจจุบัน H&M มีสาขาใน
34 ประเทศ รวม 1,800 ร้าน และมีพนักงานรวม 73,000 กว่าคน
ตลาดหลักที่สำคัญที่สุดของ H&M นอกจากสวีเดนแล้วคือ อังกฤษ
และ เยอรมัน

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

'อาบน้ำฝักบัว'น่ากลัวติด'โรคปอด'

หัวฝักบัวอาจเป็นแหล่งกบดานของเชื้อโรคโดยที่เราไม่รู้ตัว

เอเจนซี - อาบน้ำแทนที่จะทำให้เนื้อตัวสะอาด งานวิจัยจากอเมริกากลับชี้ว่าหัวฝักบัวสามารถสะสมเชื้อโรค และทำให้คนอาบป่วย ขณะเดียวกัน รายงานจากสก็อตแลนด์ย้ำเหงื่อเป็นสารสื่อรักตามธรรมชาติ และยาเสน่ห์นี้อาจมีฤทธิ์อ่อนลงจากการอาบน้ำ

การวิเคราะห์หัวฝักบัว 50 ชุดจาก 9 เมืองในสหรัฐฯ พบว่า 30% เป็นที่อาศัยของเชื้อ Mycobacterium avium จำนวนมาก

ไมโคแบคทีเรียม เอเวียมคือกลุ่มแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในปอดเมื่อคนสูดดมหรือกลืน เข้าไป และมีความเชื่อมโยงกับโรคปอด ทำให้เกิดอาการ อาทิ ไอเรื้อรัง หายใจขัด เหนื่อย โดยมักแพร่เชื้อกับคนที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคโลราโดพบเชื้อไมโคแบคทีเรียม เอเวียมในหัวฝักบัวมากกว่าที่พบในเครื่องใช้ภายในบ้านอื่นๆ ถึงร้อยเท่า

นอร์แมน เพซ ผู้จัดทำรายงานฉบับนี้ กล่าวว่าการวิจัยจากโรงพยาบาลเนชันแนล ยิววิชในเดนเวอร์ พบว่าการติดเชื้อในปอดที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่ทศวรรษนี้จากเชื้อแบคทีเรียสายพันธุ์ไมโคแบคทีเรียอย่างไมโค แบคทีเรียม เอเวียม อาจเกี่ยวพันกับการที่คนใช้ฝักบัวกันมากขึ้น

เพซเสริมว่า น้ำที่ฉีดออกมาจากหัวฝักบัวอาจแพร่กระจายละอองของเหลวที่เต็มไปด้วยเชื้อโรค ที่สามารถลอยอยู่ในอากาศ และถูกสูดดมเข้าสู่ส่วนที่ลึกที่สุดของปอด

ปัญหามาจากการที่ภายในหัวฝักบัวเป็นที่พักพิงอย่างดีสำหรับแบคทีเรีย เพราะมีทั้งความชื้น ความอุ่นและความมืด อย่างไรก็ตาม นักวิจัยยืนยันว่าการอาบน้ำฝักบัวยังปลอดภัยสำหรับคนส่วนใหญ่ และแนะนำให้ผู้ที่ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอจากยาจำกัดภูมิคุ้มกัน หรือจากยาบำบัดเอชไอวี ใช้หัวฝักบัวที่ทำจากโลหะและเปลี่ยนบ่อยๆ

ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารโปรซีดดิงส์ ออฟ เนชันแนล อะคาเดมี ออฟ ไซนส์เมื่อต้นสัปดาห์ สำทับว่าหัวฝักบัวไม่ใช่ที่เดียวที่เป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรคภายในบ้าน

เลห์ ฟีเซล ผู้ร่วมทำการวิจัยสำทับว่า ต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อตรวจวัดระดับแบคทีเรียในอุปกรณ์เครื่องใช้ภาย ในบ้านอื่นๆ เช่น เครื่องเพิ่มความชื้น และเครื่องปรับอากาศระบบไอน้ำ

ขณะเดียวกัน งานศึกษาอีกชิ้นจากสกอตแลนด์พบว่า สารเคมีตามธรรมชาติที่พบในเหงื่อของผู้ชายทำหน้าที่เป็นยาเสน่ห์มาตั้งแต่ สมัยดึกดำบรรพ์ และเสน่ห์รัดรึงใจนี้อาจเจือจางลงจากการอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย

สารดังกล่าวที่มาจากฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนของเพศชาย มีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจของผู้หญิงในสถานการณ์การนัดบอดแบบไฮสปีด ว่าผู้ชายตรงหน้ามีเสน่ห์ดึงดูดมากน้อยแค่ไหน

แทมซิน แซ็กซ์ตัน จากมหาวิทยาลัยเซนต์แอนดริวส์ ทำการศึกษาอิทธิพลของสาร androstadienone (แอนโดรสทาไดอีโนน) โดยการนำไปแต้มที่ริมฝีปากบนของอาสาสมัครหญิง 50 คนในการทดลองยามค่ำ ก่อนที่อาสาสมัครเหล่านั้นจะนัดบอดแบบไฮสปีด

ผลปรากฏว่าผู้หญิงทุกช่วงอายุที่ถูกแต้มสารแอนโดรสทาไดอีโนนให้คะแนน ความมีเสน่ห์ของชายหนุ่มที่พบสูงกว่าที่อาสาสมัครที่ถูกแต้มด้วยน้ำหรือ น้ำมันกานพลูให้

ดร.แซกซ์ตันกล่าวในงานเทศกาลวิทยาศาสตร์แห่งอังกฤษว่า น้อยคนนักจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสารชนิดนี้นอกจากว่าพบในเหงื่อคนเราทั้งชาย และหญิง และมาจากฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน

"บางคนไม่ได้กลิ่นด้วยซ้ำ บางคนได้กลิ่นและบอกว่ารับได้ บางคนบอกเหม็น บางคนบ่นว่ากลิ่นเหมือนผ้าอ้อมเด็กใช้แล้ว"

สมมติฐานหนึ่งคือฟีโรโมน หรือสารเคมีสื่อสารที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างคน เหมือนกับที่ฮอร์โมนเป็นสื่อกลางระหว่างอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย ทว่าพวกนักวิทยาศาสตร์ยังมีแนวคิดไม่ค่อยตรงกันนักเกี่ยวกับฟีโรโมนในมนุษย์

ดร.แซกซ์ตันปิดท้ายว่า บางคนเห็นคุณค่าของกลิ่นของผิวตามธรรมชาติ ดังนั้น เราอาจต้องตระหนักไว้ว่ากลิ่นนี้คือเสน่ห์ดึงดูดประจำตัว และการอาบน้ำขัดผิวสะอาดสะอ้านเกินไปอาจทำให้เสน่ห์ตามธรรมชาติบกพร่องได้

10 เรื่องแปลก...ไม่อ่านไม่ได้แล้ว...

10 เรื่องแปลกๆจากทั่วโลก ที่ไม่อ่านไม่ได้แล้ว




1.นักถ้ำมองโครตสกปรก


เป็น ชาวอเมริกันแต่ไม่ระบุชื่อเพราะญาติขอร้อง อายุ 37 ปี อยู่เมืองเลล์ เกลด รัฐฟลอริดา อาชีพเพาะปลูก เมื่อเวลาว่างชายคนนี้จะมีอาชีพพิเศษคือชอบแอบมองสาวทำธุระโดยการตะเวณดูตาม สุขาทั่วเมือง และยิ่งมองยิ่งติดใจจงตัดสินใจแช่ในถังส้วมหลุมเพื่อมองเห็นสาวทำธุระจะๆ ตา(ส้วมเมืองนอกเขาเป็นแบบนี้) เผลิญสาวคนหนึ่งเขาทำธุระปล่อยทุ่นส่วนตัวเสร็จ แล้วบังเอิญไปเห็นอะไรไม่รู้มีตาสองตาของคนจึงแจ้งตำรวจ แล้วเจ้าถ้ำมองคนนั้นก็ถูกตำรวจเรียกรถเครนพร้อมตะขอเกี่ยวนักถ้ำมองออกจาก หลุม จากนั้นก็หย่อนลงบึงน้ำเสียเลย

2.แล้วใครจะมาแทน

นาง ซินเธีย บรวน ชาวออสซี่ ได้ปลดเกษียณอายุงาน 62 ปีลง ที่โรงงานผลิตยาแห่งหนึ่ง จากสถิตทำงาน 34 ปีเต็ม โดยงานที่เธอทำสุดภาคภูมิใจคือ เธอสูดดมกลิ่นตด หรือก้นผู้ป่วยโรคริดสีดวงถวาร เนื่องจากบริษัทแห่งนี้ผลิดน้ำยาดับกลิ่นก้นและส่งใส่ว่าผลิตภัณฑ์เขาใช้ได้ กับผู้ป่วยหรือไม่

3. สถิตนี้ใครกล้าทำลาย

โด แนลด์ คิง วัย 38 ปี ชาวเมืองเคพทาวน์ ประเทศเซาธ์แอฟริกา เขามีสถิดอันดับโลกโครตภูมิใจคือ เขาเป็นสามีหรือผัวของสัตว์ตัวเมียไม่น้อยกว่า 600 ตัว โดยเมียสัตว์ของโดแนลด์มีทั้ง แพะ แกะ วัว ควาย ม้า หมา แมว แรด นกกระจอกเทศ ลามา ไฮยีน่า กวาง เต่าตะนุ ลิงชิมแปมซี กอริลล่า ตัวกินมด (โฮ้กล้ามั่วขนาดนี้เลยเรอะ)

4. อยากดัง

เลิฟ วีนี่ ดาราโนเนม ชาวลอนดอน ทำยังไงก็ไม่ดังเสียที วันหนึ่งเธอเข้าส้วมก็เกิดไอเดียสุดเจ๋ง เธอใช้เงินก้อนสุดท้ายทำอัมบั้มซีดี.ทันที โดยการอัดเสียงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องน้ำขณะที่ตนเองเข้าใช้ ไม่ว่าเสียงแปรงฟัน เสียงขุยเสลด เสียงฉี่ ตด หาวเรอ เสียงอึตกกระทบกับน้ำ ผลคืออัลบัมเธอขายดีมากกว่า30000 แผ่น และราคาแผ่นพอๆ กับแผ่นป๊อบฮิตเลยทีเดียว (ดังสมใจเลย)

5. ตายสุดซวยที่สุดในโลก

อัน นี้เคยออกข่าวแล้วนะ บีทรีส วิลเลียมสัน อายุ 77 ปี พลเมืองอาวุโสชาวอังกฤษ วันหนึ่งเธอออกไปทำสวนหลังบ้าน ขณะที่เธอทำงานเพลินขณะนั้นก็มีของเสียก้อนหนึ่งตกลงมาจากห้องน้ำเครื่องบิน พอดีช่วงนี้อากาศหนาวจัดทำให้ของเสีย(ขี้) จับก้อนน้ำแข็งจนโตเท่าผลส้มตกลงหัวอย่างรุนแรง เธอล้มลงเสียชีวิตทันที (เฮ้อ..ทำมั้ยซวยยังงี้)

6. แข่งกินของสัปดนชิงแชมป์โลก

การ แข่งนี้เกิดขึ้นที่ออสเตเลีย ชื่อรายการ ไอแซล อีท แอนนีธิง คอนเทสต์ แปลว่าฉันจะ แ ด ก ทุกอย่างที่ขวางหน้า ของที่กินมีทั้ง คอไก่สดๆ ฉี่วัว1ถ้วย หนอน ไส้เดือนสด ไขมันคน 1 ถ้วยที่ดูดมาจากคลีนิก (แวะ )

7. สั่งขี้มูลไกลที่สุดในโลก

โจ อานนี่ เมสัน สาวสวย หุ่นดี แต่พฤติกรรมสุดอนาถ เพราะเธอมีความสามารถพิเศษคือสั่งขี้มูกขนาดเท่าเม็ดถั่วแดงไกลถึง 151 ฟุต 3 นิ้วครึ่งขนาดเท่าสนามฟุตบอล (โอโห ซูดยอด)

8.แมวฉันอยู่ในจานเป็ด

มา ร์ซา ชาวนิวยอร์ก เสียใจมากที่แมวตัวโปรดชื่อ พัลซั่ม หายตัวไป เธอเศร้ามากจึงเดิมมาที่ภัตราคารจีน "xxx๊ดลัค ยู แฮป"สั่งเป็ดทอดมากินเพราะคิดว่าเธอจะคลายเศร้าได้ พอดีตอนที่เธอกินอาหารอย่างอร่อย ตำรวจ 3 นาย มาร้านพร้อมหมายค้นว่าร้านนี้ลักแมวลักหมามาปรุงอาหารขายแก่ลูกค้า......และ แล้วมาร์ชาก็ตามตำรวจไปดูในครัวแล้วก็เห็นหัวแมวของเธอแขวนกับตะขอ และพ่อครัวก็ยอมรับว่าเป็ดทอดที่เธอกินเป็นแมวของเธอเอง............... อร่อย

9. ฉี่ก็มีดี

นัก วิจัยชาติไหนก็ไม่รู้เ พากันตกตะลึงว่าฉี่นั้นมีดี โดยพบคุณสมบัติที่ว่ามีฤทธิ์คล้ายยากล่อมประสาท ทำให้คนรู้สึกสุขสบายและมีความสุข เมื่อเห็นดังนี้นักวิจัยเลยนำไปสกัดเป็นแคปซูลขายในราคา 5 ดอลลาร์เสียเลย

10.มนุษย์ตดตายอย่างสมศักดิ์ศรี

โจ นาธาน กริกส์ ชาวอังกฤษ เขาป่วยเป็นโรคประหลาด เกี่ยวกับโรคระบบทางเดินย่อยอาหารและกล้ามเนื้อทำให้เกิดแก๊สในท้องและตด เป็นประจำทุกระยะ 11 วินาที อยู่ดีไม่ว่าดีนายคนนี้ดันมีภรรยาและอยู่ 19 ปีเต็ม มีหรือที่เธอจะทนได้ เธอเลยจับสามีขังไว้ในตู้เก็บผ้าแบบปิดมิดชิด ปล่อยให้สามีตดตั้งแต่เช้าจนเย็น และวันต่อมาภรรยาเขาก็ลองจุดไฟเหย่ไปดู ปรากฏว่าบ้านระเบิดพังเป็นแถบ ตายกันทั้งสามีภรรยา

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552

เกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ จาก Fwd Mail

สวัสดีจ้ะ เพื่อนๆ ที่น่ารักทุกคนนะคะ

วันนี้มีความรู้เล็กๆ น้อยๆ

ที่ได้จาก Fwd Mail มาฝากจ้ะ

ส่วนจะเป็นความรู้อะไรนั้นก็ต้องไปดูกันเลย......

เด็กดีดอทคอม :: เกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ จาก Fwd Mail; tags: fwd mail , ความรู้ , วัยรุ่น , เรื่องน่ารู้ , มือถือ , สุขภาพ , นอน , ยาเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ จาก Fwd Mail

เด็กดีดอทคอม :: เกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ จาก Fwd Mail; tags: fwd mail , ความรู้ , วัยรุ่น , เรื่องน่ารู้ , มือถือ , สุขภาพ , นอน , ยาเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ จาก Fwd Mail

เด็กดีดอทคอม :: เกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ จาก Fwd Mail; tags: fwd mail , ความรู้ , วัยรุ่น , เรื่องน่ารู้ , มือถือ , สุขภาพ , นอน , ยาเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ จาก Fwd Mail

เด็กดีดอทคอม :: เกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ จาก Fwd Mail; tags: fwd mail , ความรู้ , วัยรุ่น , เรื่องน่ารู้ , มือถือ , สุขภาพ , นอน , ยาเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ จาก Fwd Mail

เกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ จาก Fwd Mail

เด็กดีดอทคอม :: เกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ จาก Fwd Mail; tags: fwd mail , ความรู้ , วัยรุ่น , เรื่องน่ารู้ , มือถือ , สุขภาพ , นอน , ยาเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ จาก Fwd Mail

เด็กดีดอทคอม :: เกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ จาก Fwd Mail; tags: fwd mail , ความรู้ , วัยรุ่น , เรื่องน่ารู้ , มือถือ , สุขภาพ , นอน , ยาเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ จาก Fwd Mail

เด็กดีดอทคอม :: เกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ จาก Fwd Mail; tags: fwd mail , ความรู้ , วัยรุ่น , เรื่องน่ารู้ , มือถือ , สุขภาพ , นอน , ยาเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ จาก Fwd Mail

เด็กดีดอทคอม :: เกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ จาก Fwd Mail; tags: fwd mail , ความรู้ , วัยรุ่น , เรื่องน่ารู้ , มือถือ , สุขภาพ , นอน , ยาเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ จาก Fwd Mail

เด็กดีดอทคอม :: เกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ จาก Fwd Mail; tags: fwd mail , ความรู้ , วัยรุ่น , เรื่องน่ารู้ , มือถือ , สุขภาพ , นอน , ยาเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ จาก Fwd Mail

เด็กดีดอทคอม :: เกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ จาก Fwd Mail; tags: fwd mail , ความรู้ , วัยรุ่น , เรื่องน่ารู้ , มือถือ , สุขภาพ , นอน , ยาเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ จาก Fwd Mail

ทราบเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ไปแล้วนะจ๊ะ

้พื่อนๆ ก็อย่าลืมเอาไปปฏิบัติตามนะ

เพื่อสุขภาพของตัวเราเองนะจ๊ะ

เดินยังไงให้ร่างกายแข็งแรง

เดิน เดิน เดิน … เพื่อนๆ เคยสังเกตพฤติกรรมของตัวเองบ้างรึเปล่าคะว่า ใน 1 วัน เพื่อนๆ ใช้เวลาเดินวันละประมาณกี่นาที วันนี้มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวการเดินเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพมาฝากเพื่อนๆ ค่ะ ...

เด็กดีดอทคอม :: เดินยังไงให้ร่างกายแข็งแรง; tags: เดิน , ออกกำลังกาย , วัยรุ่นเด็กดีดอทคอม :: เดินยังไงให้ร่างกายแข็งแรง; tags: เดิน , ออกกำลังกาย , วัยรุ่นเดินยังไงให้ร่างกายแข็งแรง

อย่างที่เราทราบกันว่าการออกกำลังพอประมาณเป็นคุณแก่สุขภาพ ซึ่งนอกจากการออกกำลังกายตามปกติแล้ว นักวิจัยด้านพลศึกษาฯ ในสหรัฐฯ ระบุว่าเราควรจะเดินให้ได้นานอาทิตย์ละ 150 นาที เฉลี่ยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน

เด็กดีดอทคอม :: เดินยังไงให้ร่างกายแข็งแรง; tags: เดิน , ออกกำลังกาย , วัยรุ่น เดินยังไงให้ร่างกายแข็งแรง

นักวิจัยของคณะพลศึกษาและโภชนาการศาสตร์ มหาวิทยาลัยซาน ไดโก สเตท ยังคำนวณออกมาได้ว่า คนเราควรจะออกกำลังเดินทุกวัน ด้วยความเร็วในอัตราอย่างต่ำนาทีละ 100 ก้าว โดยสำหรับผู้ชาย อาจจะอยู่ในอัตรานาทีละ ระหว่าง 92-102 ก้าว ขณะที่ผู้หญิง อยู่ในอัตรานาทีละระหว่าง 91-115 ก้าว จึงจะเป็นการออกกำลังอย่างหนักหน่วงพอประมาณ

วารสารวิชาการ "เวชศาสตร์ป้องกันแห่งอเมริกา" รายงานว่า ดร.ไซมอน เจ มาร์แชลล์ ผู้ตรวจชั้นนำ กล่าวว่า "เราเชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้ ช่วยยืนยันข้อแนะนำในเรื่องการออกกำลังด้วยการเดินให้ได้ 100 กว่าก้าวในหนึ่งนาที ตามคำแนะนำของการให้ออกกำลังขนาดพอ ประมาณ"

ได้รู้แบบนี้แล้วใครที่นิยมความสะดวกสบายประเภทที่เดินนิดเดินหน่อยก็เมื่อย แล้วคงจะต้องหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองซะแล้วล่ะค่ะ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเพื่อนๆ เองนะคะขอบอก

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

เปิดตัวชายที่สูงที่สุดในโลก

ตะลึงไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนสูงขนาดนี้อยู่บนโลกด้วย!!! กินเนสส์เวิลด์ เรคอร์ด เปิดตัวชายสูงที่สุดในโลกรายใหม่ในกรุงลอนดอน เป็นหนุ่มชาวเติร์กซึ่งมีส่วนสูงถึง 2 เมตร 46.5 เซนติเมตร ทำลายสถิติเดิมยับเยิน

สำหรับชายที่ครองสูงที่สุดในโลกมีชื่อว่า “สุลต่าน โคเซน” วัย 26 ปี เขาคนนี้คือผู้ที่ทำให้สะพานทาวเวอร์ บริดจ์ ดูเล็กลงไปถนัดใจ เมื่อเขาโพสต์ท่าถ่ายรูปบริเวณตลิ่งริมแม่น้ำเธมส์ ณ การเดินทางออกนอกตุรกีครั้งแรกในชีวิต

โคเซน ได้ทำลายสถิติมนุษย์สูงที่สุดในโลกเดิมของ จ้าว เหลียง สูง ผู้มีความสูง 2 เมตร 36 เซนติเมตร ขณะเดียวกันหนุ่มตุรกีรายนี้ยังกลายเป็นเจ้าของสถิติกินเนสส์เวิลด์ เรคอร์ด เพิ่มเติมในฐานะมนุษย์ที่มีมือใหญ่ที่สุดในโลก 27.5 เซนติเมตรและมนุษย์ที่มีเท้าใหญ่ที่สุดในโลก 36.5 เซนติเมตร

เด็กดีดอทคอม :: เปิดตัวชายที่สูงที่สุดในโลก; tags: ความสูง , วัยรุ่น , สถิติเด็กดีดอทคอม :: เปิดตัวชายที่สูงที่สุดในโลก; tags: ความสูง , วัยรุ่น , สถิติเปิดตัวชายที่สูงที่สุดในโลก

โคเซน เรียนไม่จบเพราะส่วนสูงที่สูงเกินไปของเขา (น่าสงสารจัง) แต่ เขาก็ยังมุมานะช่วยทางบ้านซึ่งมีอาชีพเกษตรกรทำมาหาเลี้ยงชีพ ทั้งนี้ โคเซน หวังว่าด้วยสถานะของผู้มีชื่อเสียงในตอนนี้จะช่วยให้เขาสามารถเดินทางท่อง โลกและซื้อรถขนาดที่เหมาะกับรูปร่างของตนเอง "ความฝันอันยิ่งใหญ่ของผมคือการได้แต่งงานและมีลูก -- ผมกำลังมองหารักแท้" เขากล่าว

แม้ความยากลำบากในการนั่งรถยนต์ขนาดปกติคือหนึ่งในข้อด้อยจากส่วนสูงของเขา แต่ โคเซน บอกว่าส่วนสูงนี้ก็ช่วยให้เขาเปลี่ยนหลอดไฟและแขวนผ้าม่านให้แม่ได้สะดวก กว่าเช่นกัน (มองโลกแบบคิดบวก)

ด้านครอบครัวของเขา โคเซน มีพี่น้อง 4 คน เป็นชาย 3 คนและหญิง 1 คน โดยทุกคนมีขนาดรูปร่างปกติ แต่อัตราการเติบโตของเขาเริ่มผิดปกติเมื่อตอนอายุ 10 ขวบ เหตุเพราะเนื้องอกก้อนหนึ่งส่งผลให้ต่อมใต้สมองผลิตฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญ เติบโตออกมามากเกินไป แต่ก็ยังถือเป็นโชคดีที่แพทย์ประสบความสำเร็จในการผ่าตัดก้อนเนื้อดังกล่าว และท้ายที่สุดการเติบโตของเขาก็หยุดลง อย่างไรก็ตามด้วยความสูงของ โคเซน ทำให้เขาต้องยืนและเดินด้วยการใช้ไม้เท้าค้ำ

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

เทคนิคการอ่านแบบ 3S

เทคนิคการอ่านแบบ 3S

วันนี้เรามีเทคนิคการอ่านหนังสือแบบ 3S มาแนะนำกันค่ะ อย่าเพิ่งทำหน้างงกันนะคะ 3S ก็คือ "Scan - Search - Save"

Scan
ได้แก่ การอ่านเนื้อหาอย่างหยาบ ๆ และรวดเร็ว เพื่อจับใจความว่าหนังสือนี้ประกอบด้วยบทใดบ้าง มีบทนำ การเรียงลำดับหัวข้อเป็นเช่นใด มีแผนภูมิ รูปภาพประกอบมากน้อยเพียงใด

Search
- หาบทที่มีเนื้อหาตรงกับความต้องการ
- หาคำตอบ เพื่อตอบคำถามที่ตั้งไว้
- ทำเครื่องหมาย (ใช้ดำสอ เขียนเบา ๆ)
- ศึกษาเนื้อหาในแต่ละย่อหน้าที่ตรงกับจุดประสงค์

Save
- เก็บข้อมูล เนื้อหา ของโครงสร้างของแต่ละบท
- จดเนื้อหาที่สำคัญ

อัตราความเร็วในการอ่าน
ประสิทธิภาพในการอ่านหนังสือตำรานั้น มีผู้ประเมิน โดยคิดเป็นอัตราของคำต่อนาที ดังนี้
- ถ้าตำรานั้นอ่านยาก ควรใช้เวลา 100-200 คำต่อนาที
- ถ้าตำรานั้นอ่านยากปานกลาง ควรใช้เวลา 200-400 คำต่อนาที
- ถ้าอ่านเพื่อให้ได้เนื้อหากว้าง ๆ ควรใช้เวลา 500-1,000 คำต่อนาที
- ถ้าอ่านอย่างรวดเร็ว พอสังเขปควรใช้เวลา 1,000-1,500 คำต่อนาที

จะปรับปรุงการอ่านให้เร็วขึ้นได้อย่างไร
มี ผู้ให้ข้อสังเกตว่า เนื้อหาที่ปรากฎอยู่ในตำรานั้น ประมาณสองในสามเป็นการเขียนตามหลักภาษาเพื่อให้ถูกต้องตามรูปแบบและไวยากรณ์ มากกว่าที่จะเป็นเนื้อหาที่แท้จริง ดังนั้นถ้านิสิตพะวงต่อการอ่านทุกคำ จะทำให้ความเร็วในการอ่านลดลง การอ่านเร็วมิได้หมายความว่า ความเข้าใจ และการจดจำเนื้อหาจะลดลง แต่การอ่านไปหมดทุกวรรคทุกตอนจะทำให้ทั้งสายตา และจิตใจของนิสิต ต้องพะวักพะวงกับเนื้อหาที่มากเกินควร การอ่านอย่างมีวินัย มีระเบียบจะช่วยทำให้ประสิทธิภาพการอ่านดีขึ้น นิสิตอาจลองใช้ วิธีการต่อไปนี้

เตรียมตัว
  • อ่านอย่างกว้าง ๆ เพื่อจับประเด็นของเนื้อหาที่มีอยู่ในหนังสือ (การมีภูมิหลังเกี่ยวกับเรื่องที่อ่านมาบ้างแล้ว จะช่วยให้นิสิตเข้าใจเนื้อหาได้เร็วขึ้น)

  • อ่านอย่างมีจุด ประสงค์ ตั้งใจและพยายามอ่านให้ทันตามเวลาที่เรากำหนด วิธีบังคับตนเองไม่ให้อ่านตามสบายชนิดตามใจตน กระทำได้โดยการลากปากกา หรือดินสอชี้นำไปตามบรรทัด นอกจากนี้จะต้องไม่ให้มีสิ่งใดมารบกวนสมาธิขณะอ่านด้วย

  • ละทิ้งนิสัย การอ่านที่ไม่ดี ได้แก่

๐ หยุดที่คำใดคำหนึ่งโดยเฉพาะ พยายามขยายกรอบของเนื้อหาให้มากขึ้น จะได้เข้าใจประเด็นได้ง่ายขึ้น
๐ อ่านย้อนกลับไปมา วิธีนี้ทำให้เสียเวลา และมีผลทำให้การเชื่อมต่อข้อความไม่ปะติดปะต่อ ทำให้จำเนื้อหาไม่ได้
๐ เคลื่อนไหวสายตาไม่เร็วพอ ถ้าสายตาเพ่งเพียงแต่ข้อความแคบ ๆ (เช่นดูแค่คำคำเดียว) การอ่านก็ช้าไปด้วย

พยายามลดความเมื่อยล้าของสายตาโดย
- ตรวจสุขภาพสายตาเสียบ้าง
- ให้หนังสืออยู่ห่างจากสายตาประมาณ 40 ซม. เพื่อขยายกรอบของการมองเห็น และลดการเคลื่อนไหวของสายตา

ฝึกฝนตนให้เป็นผู้อ่านชั้นเยี่ยม
  • มือ ข้างหนึ่งใช้พลิกหน้ากระดาษ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งให้ลากลงมาตามบรรทัดวิธีนี้จะเป็นการควบคุมสายตา ให้เห็นคำที่จะอ่านในแต่ละครั้งมากขึ้น บังคับมิให้สายตาจ้องจดอยู่ที่คำใดคำหนึ่ง และยังเป็นการฝึกตนเองให้มีวินัย และมีสมาธิในการอ่านอีกด้วย

  • กวาด สายตาไปทั่วทั้งหน้ากระดาษภายใน 5 วินาที นิสิตอาจจะคิดว่าไม่ได้อ่านอะไรเลย แต่นิสิต จะสามารถจัดคำสำคัญได้อย่างรวดเร็ว และถ้าหน้าไหนอ่านยากก็อาจกลับมาอ่านอย่างช้า ๆ ได้ในภายหลัง

  • ฝึกทำเช่นนี้อย่างน้อยวันละ 5 นาที ภายใน 1 - 2 เดือน นิสิตจะพบว่าตนเองสามารถอ่านได้เร็วขึ้นกว่าเดิมกลายเท่าตัว

เคล็ดลับ 10 ประการพิชิต Admission

1. สร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง
: เพื่อนๆ ต้องมองโลกในด้านบวกให้กับสิ่งที่เพื่อนๆ ต้องการและตั้งใจแน่วแน่ในการกระทำเพราะข้อสอบไม่ว่าจะยากเท่าไหร่ก็ไม่ยาก เกินความพยายาม

2. ประเมิณความสามารถของตัวเอง
: เพื่อนๆ ต้องพิจารณาว่าคณะวิชาที่เลือกนั้น มีพื้นฐานความรู้ในวิชาที่จะใช้สอบมากน้อยเพียงใด การแข่งขันของคณะวิชานั้นสูงแค่ไหน และประเมินจากเวลาที่เหลือที่้พื่อนๆ จะใช้ในการเตรียมตัวว่าพอเพียงหรือไม่

3. แบ่งเวลาในการดูหนังสือ และกิจกรรมต่างๆ ให้ลงตัว
: เวลาผ่านไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับมาได้เพื่อนๆ ต้องพยายามแบ่งเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ ให้เหมาะสมโดยให้เวลากับอ่านหนังสือเป็นหลัก แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะผ่อนคลายโดยการออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่เพื่อนๆ ชอบด้วย

4. วางแผนจัดการชีวิตให้ลงตัว
: ข้อนี้จะคล้ายกับการแบ่งเวลาแต่จะลงรายละเอียดเยอะกว่าโดยเพื่อนๆ จะต้องวางแผนการดำเนินชีวิตในแต่ละวันว่าจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อที่จะนำไปสู่ ความสำเร็จในเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้

5. เอาชนะตัวเอง
: ข้อนี้เป็นข้อที่ยากที่สุด เพราะถ้าเพื่อนๆ เอาชนะตัวเอง เอาชนะความเกียจคร้าน สร้างวินัยให้กับตนเอง สร้างกำลังใจให้กับตัวเองไม่ได้ เพื่อนๆจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เลย

6. ขจัดความกังวลออกไป
: เมื่อน้องๆ เริ่มลงมือเตรียมตัวเพื่อสอบต้องตัดความกังวลที่มีอยู่ออกไปให้หมด อย่ากังวลถึงอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้น อย่าคิดว่าทำไม่ได้ เพื่อนๆต้องคิดว่าเมื่อมีความพยายาม ต้องมีความสำเร็จ

7. ทำตัวให้สนุกกับการอ่านหนังสือ
: อย่ามองว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย แต่ให้มองว่าเป็นเรื่องที่สนุกสนานทำให้เราประเทืองปัญญา ทำให้เราเป็นคนที่รอบรู้ สามารถเข้าสังคมได้อย่างไม่อายใครและเป็นที่ยอมรับในอนาคต


8. ให้รางวัลกับตัวเองบ้าง
: รางวัลในที่นี้คงไม่ได้หมายถึง เงินทอง เพชรพลอย แต่หมายถึงการทำกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย กิจกรรมที่ทำแล้วสบายใจ เช่นการร้องคาราโอเกะ ดูหนัง ฟังเพลง

9. สร้างสิ่งแวดล้อมให้เป็นแรงกระตุ้น
: อาจจะทำได้โดยการรวมกลุ่มกันอ่านหนังสือกับเพื่อนๆ เพื่อที่จะแลกเปลี่ยนความคิดและทบทวนในสิ่งที่เรากำลังอ่าน นอกจากจะทำให้เราอยากอ่านหนังสือแล้วยังทำให้เราประเมิณตัวเองได้อีกว่ายัง ต้องพยายามมากขึ้นอีกแค่ไหน


10. ให้โอกาสตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
: ทางเลือกในการเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยมีอยู่มากมาย ทั้งมหาวิทยาลัยของรัฐบาล และเอกชนถึงน้องจะพลาดหวังจากทางเลือกนึงก็ยังที่ทางเลือกอื่น

เทคนิคการอ่านหนังสือให้จำง่ายๆ

เพื่อนๆ วันนี้ มีเทคนิคในการอ่านหนังสือยังงัยดีน่ะให้จำง่ายๆมาฝากเพื่อนๆด้วยนะคะ

อ่ะ...มาเริ่มกันเลยดีกว่าคะ ตามมาๆๆๆ

1ข้อที่ 1. เพื่อนๆต้องใส่ใจเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยๆก่อนเลยล่ะ ดูซิ!!!ว่าวิชาไหนน่ะที่เราต้องสอบเป็นอันดับแรกๆ หยิบวิชานั้นขึ้นมาก่อนเลย เตรียมไว้นะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับวิชาที่จะสอบ ชีท เอกสารต่างๆ หรือแนวข้อสอบ(อันนี้สำคัญนะค่ะ หาให้เจอล่ะ) ค้นเลยๆ ทุกวิชานะค่ะ

ข้อที่ 2.แยกหมวดหมู่แต่ละวิชา ก่อน-หลัง แล้วหาที่วางไว้อย่างเป็นระเบียบด้วยล่ะ

1ข้อที่ 3.เตรียม ดินสอ/ปากกา สมุด และปากกาเน้นข้อความไว้ด้วยนะ

ข้อที่ 5.เริ่ม อ่านวิชาที่จะต้องสอบก่อนเป็นวิชาแรกเลยค่ะ ตรงนี้แหละสำคัญมาก เพื่อนๆอย่าอ่านๆๆๆๆๆแล้วก็อ่านเพื่อให้จบ แบบผ่านๆนะค่ะ ต่อให้เพื่อนๆอ่านสัก 10 รอบแล้วบอกคนอื่นๆว่า "ก็เค้าอ่านเป็นสิบๆรอบแล้วอ่ะ แต่ทำไมทำข้อสอบไม่ได้เลยน่ะ?" อ่ะๆๆๆ!!! อ่านสัก 100 รอบก็ไม่ช่วยอะไรหรอกเจ้าค่ะ อ่านแล้วต้องทำความเข้าใจไปด้วย ตรงไหนที่คิดว่าสำคัญๆเพื่อนๆก็เน้นตรงจุดนั้นไว้ อาจจะใช้วิธีการจดบันทึกไว้ หรือ เน้นข้อความด้วยปากกาสีต่างๆก็ได้ค่ะ เพื่อว่าจะได้กลับมาอ่านอีกครั้ง

1ข้อที่ 6.นั้น งัยๆๆๆพี่บอกไปตะกี้เองนะค่ะว่าอย่าอ่านแบบผ่านๆ ดูสิ!!!เพื่อนๆลองกลับไปอ่านข้อ 3 ใหม่สิค่ะ แล้วดูซิว่าที่ต่อจากข้อ 3 นะเป็นข้อที่เท่าไหร่ ข้อที่ 4หายไปๆๆๆๆ ส่วนเพื่อนๆคนไหนสังเกตเห็นก่อนที่เฉลย เพื่อนๆก็ไม่มีปัญหาในเรื่องของการอ่านหนังสือแล้วละค่ะ เก่งมากๆเลย ส่วนเพื่อนๆคนไหนที่ไม่ทันได้สังเกต ก็เอาจุดนี้เนี่ยแหละค่ะไปลองปรับใช้กับการอ่านหนังสือดูตามที่บอกไว้ใน ข้อที่ 5 นะค่ะ

1ข้อที่ 7.อ่ะ ต่อๆๆ การไม่ปล่อยให้ท้องว่างก็เป็นสิ่งสำคัญนะค่ะ ถ้า้พื่อนๆอ่านๆๆๆหนังสืออย่างเดียวจนลืมทานข้าวแล้วละก็ นอกจากเพื่อนๆจะอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องแล้ว อาจจะทำให้ป่วย และทำให้เป็นโรคกระเพาะได้ด้วยนะจ๊ะ สำคัญเลย ต้องหาอะไรทานเมื่อท้องว่างด้วยน้า...อย่าทรมานตัวเองละ

1ข้อที่ 8.ใน การอ่านหนังสือ เพื่อนๆควรเลือกเวลาที่รู้สึกว่าสมองเราพร้อมจะทำงานด้วยนะจ๊ะ แล้วเมื่อน้องๆรู้สึกว่าเริ่มอ่านไม่ไหวแล้วล่ะ อ่านนานมากไปทำให้ปวดตา ปวดหัว ให้เพื่อนๆพักก่อน อาจจะหาอย่างอื่นทำ เช่นพักสายตาโดยการหาเพลงเพราะๆฟัง(อ่ะๆๆๆเลือเพลงที่ฟังแล้วจรรโลงใจด้วยละ ถ้าฟังเพลงที่หนักไป อาจทำให้ยิ่งปวดหัวมากกว่าเดิม ไม่รู้ด้วยนะเจ้าค่ะ) จะดูทีวี เล่นเกม หรือกิจกรรมอื่นๆที่ทำแล้วผ่อนคลายก็หามาลองทำกันดูนะเจ้าค่ะ แต่ๆๆๆๆแล้วก็แต่...อย่าพักจนเพลินละ เมื่อถึงเวลาที่ร่างกายผ่อนคลายเพียงพอแล้วก็กลับเข้าสู่โหมดการอ่านหนังสือ ต่อเลยยย (เอาน่าๆทนเอาหน่อยนะเจ้าค่ะ สอบไม่ได้มีมาบ่อยๆ ตั้งใจให้สุดๆไปเลย)

ข้อที่ 9.นั้น แน่ๆ รู้นะว่าเพื่อนๆเริ่มใส่ใจในรายละเอียดในการอ่านกันบ้างแล้ว คงคิดใช่มั้ยละ ว่าจะแกล้งทำให้ข้อไหนหายไปอีกน่ะ!!! ดีแล้วค่ะถ้าเพื่อนๆคิดแบบนี้นะ เป็นการฝึกตัวเองไปด้วย ให้เป็นคนรอบคอบ ดีค่ะๆ อ่ะต่อๆ

1ข้อที่ 10.อ้า.... อ่านไม่ทันแล้วอ่ะ!!!ทำไงดีๆ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนๆคนอื่นๆเกือบทุกคนละค่ะ ที่สำคัญเลย อย่าตื่นเต้นจนรนล่ะ ตั้งสตินะค่ะตรงนี้สำคัญมากๆเลย ให้น้องๆหยุดอ่านหนังสือต่อสักพักนึง แล้วดูซิว่า...พรุ่งนี้เราสอบวิชาอะไรบ้าง แล้วหยิบวิชาที่สอบเป็นวิชาแรกมาอ่านทบทวนก่อนเลย แล้วก็ทบทวนวิชาอื่นๆต่อไป (ตรงถ้าคิดว่ากลัวอ่านไม่ทันรอบทบทวนให้น้องๆอ่านในส่วนที่เน้น ที่สำคัญๆเอาไว้ก่อนเลย จำได้มั้ยเอ๋ยว่าในการอ่านรอบแรกให้เพื่อนๆจดบันทึกที่สำคัญๆไว้ที่คิดว่า น่าจะออก หรือส่วนที่มันยาก จำไม่ได้ก็นำมาอ่านก่อนเลย ตรงส่วนไหนที่เพื่อนๆจำได้ หรือเข้าใจก็เปิดผ่านๆเลยค่ะ ตอนนี้เราต้องทำเวลาแหละน่ะ)

1ข้อที่ 11.เอา ละ...อ่านหนังสือสอบก็ต้องฟิสหน่อย เพื่อนๆบางคนอาจจะอ่านหนังสือเร็วและเข้าใจง่ายทำให้การอ่านหนังสือไม่ค่อยมี ปัญหาเลยก็ดีไป ส่วนเพื่อนๆคนไหนเป็นคนที่อ่านหนังสือช้าก็ต้องขยันกว่าคนอื่นๆหน่อยแล้ว อาจจะทำให้อ่านหนังสือไม่ทัน ทำให้ต้องนอนดึกหน่อย ก็อย่าลืมดูแลตัวเองนะค่ะ หานมอุ่นๆหรือของว่างทานสักนิดนึง ใส่ใจในสุขภาพหน่อยนะค่ะ เพราะเดี๋ยวเพื่อนๆอาจป่วยได้ แล้วเป็นงัยน่ะ ไปสอบไม่ได้ แย่เลยน่ะเจ้าค่ะ สำคัญเลย ถ้าอ่านหนังสือไม่ทันแล้วจริงๆ แต่ร่างกายเราไม่ไหวแล้ว อย่าฝืนนะค่ะ ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น รีบเตรียมตัวเข้านอนกันดีกว่าค่ะ ตื่นเช้ามาจะได้สดชื่น แถมถ้าเราตื่นเร็ว ก็จะมีเวลาอีกนิดในการทบทวนก่อนเข้าห้องสอบนะค่ะน้องๆ


***เป็นงัยกันบ้่งคะ ทั้ง 10 ข้อที่ได้นำมาฝากกัน ก็ลองนำไปทำตามกันดูนะคะ***