วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำใน GERMANY 2

16. ชายหญิงเท่าเทียมกัน
อย่าพยายามมองว่าหญิงชาว เยอรมันจะทำอะไรสู้ผู้ชายไม่ได้ บางทีเมื่อเราอยู่บนรถเมล์แล้วเห็นผู้หญิงยืนอยู่แล้วเราลุกให้เขานั่ง ถือว่าเป็นการสบประมาท เพราะเขาจะมองว่าเราดูถูกความสามารถของเขา เนื่องจากเขาถือว่าชายหญิงแข็งแรงเท่ากัน หญิงเยอรมันสร้างชาติกลับคืนมาหลังจากความพินาศย่อยยับหลังสงครามโลกครั้ง ที่สอง และนายกรัฐมนตรีก็เป็นหญิง (นางอังเกล่า แมเกิ้ล)


17. อย่า ข้ามถนนในที่ ๆ ไม่ได้จัดไว้ให้ข้าม
คนจะข้ามถนนได้ก็ต่อเมื่อ มีทางม้าลายและมีสัญญาณไฟให้ข้ามได้เท่านั้น ก่อนข้ามเราต้องกดขอสัญญาณก่อน จากนั้นรอสักพักจะมีไฟเขียวให้เราข้ามได้ หากยังเป็นไฟแดงแม้ว่าไม่มีรถก็อย่าข้าม เพราะหนึ่ง อาจจะมีรถมาอย่างเร็วมากและชนเราได้ เขาจะไม่ผิดด้วย เพราะสัญญาณบอกให้เขาไปได้ และสอง อาจมีตำรวจดักปรับเราอยู่อีกฝั่งหนึ่ง


18. ก่อนเข้าไปซื้อของ ถ้ามีกระเป๋าให้ฝากไว้ที่ล็อคเกอร์ก่อน
สังเกต ว่าซูเปอร์มาร์เก็ตบางแห่งจะมีล็อคเกอร์จัดไว้ให้ลูกค้า เราต้องมีเหรียญ 1 ยูโรติดตัวไว้ เพื่อที่จะเอาไว้เช่าล็อคเกอร์ (จะได้คืนเมื่อกลับมาเอาของ) หากไม่ยอมฝากของไว้ก่อน ตอนออกมาจ่ายเงินจะถูกค้นกระเป๋า ทำให้เสียเวลามาก และเกิดความหงุดหงิดทั้งเราและทั้งฝ่ายผู้ขาย นอกเสียจากบางห้างที่มีระบบกันขโมยอยู่แล้วจะไม่ต้องฝากกระเป๋า เพราะถ้าใครหยิบอะไรติดออกมาโดยไม่จ่ายเงินรับรองมีเสียงดังเกิดขึ้นแน่นอน


19. เวลาทักคนเยอรมัน ควรเริ่มทักเป็นภาษาเยอรมัน
อย่าคิด ว่าคนเยอรมันจะรู้ภาษาอังกฤษ เขาอาจจะรู้บ้างแต่ไม่รู้มาก เมื่อเขาเห็นว่าเราเป็นคนต่างชาติเขาจะไม่เข้ามาทักเราก่อนค่อนข้างแน่นอน เพราะกลัวว่าจะพูดอังกฤษไม่ถูก ดังนั้น เราจึงควรแสดงความเป็นมิตรก่อนโดยการพูดภาษาเยอรมันสักคำ เช่น กู๊ด-เท่น-ท๊าค แปลว่าสวัสดีครับ หรือสวัสดีค่ะ อย่างน้อยเขาเห็นว่าเรามาแบบเป็นมิตร คนเยอรมันก็จะพยายามช่วยเรา โดยปกติคนเยอรมันจะใจดี แต่เขากลัวว่าจะสื่อสารกับเราไม่รู้เรื่องเพราะเป็นเขาเองที่ไม่รู้ภาษา อังกฤษ


20. เวลาพูดกับคนเยอรมันอย่าเยิ่นเย้อ ให้ตรงประเด็นไปเลย
คนเยอรมันเป็นคนตรง ๆ ไม่ชอบเวลาใครพูดอะไรเยิ่นเย้อ ถ้าเราอยากจะขออะไรจากคนเยอรมันก็ขอตรง ๆ ถ้าเขาทำได้ก็จะบอกว่าได้ ถ้าไม่ได้ก็จะบอกว่าไม่ได้ ไม่มีคำตอบแบบห้าสิบห้าสิบชนิดที่ต้องมาตีความกันว่าตกลงเขาจะให้หรือไม่ ให้ อะไรอย่างนี้คนเยอรมันไม่มี ภาษาอังกฤษแบบสุภาพและวกไปวนมากว่าจะเข้าเรื่องนั้นอาจจะดีหากใช้กับคน อังกฤษ แต่สำหรับคนเยอรมันแล้วจะคิดว่า "นี่เขาต้องการอะไรกันแน่ เห็นฉันเป็นตัวตลกหรือมีเวลาว่างมากนักหรืออย่างไร ถึงได้พูดเสียอ้อมค้อมอย่างนั้น" สรุปแล้วตรงไปตรงมากับคนเยอรมันจะดีที่สุด


21. ต้องมีเหตุผล

ถึงคนเยอรมันจะเป็นคนตรง ๆ ขออะไรก็ขอได้ตรง ๆ แต่ต้องมีเหตุผล ไม่ใช่ว่าจู่ ๆ มาขอโดยไม่มีเหตุผล เขาจะไม่ยอมให้แน่ คนเยอรมันต้องการเหตุผลที่เป็นความจริง (Fact) มากกว่าเหตุผลที่เป็นความรู้สึก เราจึงต้องบอกว่า เพราะอย่างนี้มันถึงต้องมาขอ ไม่ใช่บอกว่า ขอเถ๊อะ ขอเถ๊อะ ขอช่วยเราหน่อยเถ๊อะ แบบนี้คนเยอรมันจะว่าท่าจะบ้า ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย แบบนี้คงช่วยไม่ได้


22. ทำตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่ง ครัด
คนเยอรมันเวลาจะทำอะไรนั้นจะประชุมกันก่อน เมื่อได้ข้อสรุปแล้วก็จะลงมือปฏิบัติตามนั้นแบบเป๊ะ ๆ ไม่มีการนอกคอก หากใครเกิดนอกคอกคนอื่นจะงงทันทีว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น ไหนพูดกันไว้แล้วทำไมถึงไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้ จะเกิดความสับสนทันที ดังนั้นหากต้องการจะเปลี่ยนแปลงอะไรควรต้องกลับมาประชุมกันอีกครั้งก่อน เพื่อตกลงกันใหม่ ไม่ใช่อยู่ ๆ ก็ทำตามใจตัวเองทันที


23. อย่า พูดเล่นถ้าไม่สนิท

คนเยอรมันถือว่าความจริงจังเป็นมารยาท ทางสังคม หากไม่ใช่เพื่อนสนิทกันอย่าพยายามพูดเรื่องตลก โจ๊ก หรือเรื่องล้อเล่นใด ๆ อย่างเด็ดขาด เขาจะมองว่าเราเป็นคนต่ำชั้นกว่าทันที ในการนำเสนออะไรให้คนเยอรมันฟังต้องเคร่งครัดเรื่องโครงสร้างการนำเสนอ ใช้คำพูด ท่าทาง และน้ำเสียงที่จริงจัง นำเสนอแต่ข้อมูลที่เป็นความจริง (Fact) อะไรที่คาดเดาเอาเองไม่ให้นำเสนอ และอะไรที่เป็นมุขตลกอย่าได้นำเสนอ แต่ถ้าเมื่อไรสนิทกันแล้วคนเยอรมันจะกลายเป็นคนที่สนุกสนานและเอาแต่คุย เรื่องตลก ก็แปลกดี


24. คนเยอรมันตัดสินใจด้วยข้อมูล รอบด้าน

อย่าได้ให้ข้อมูลด้านเดียว จงให้ข้อมูลทุกเรื่องและทั้งด้านดีและด้านไม่ดี เช่น หากมีคนสมัครเข้าทำงานอยู่ 10 คน อย่ากระโจนบอกว่าคนที่ดีคือคนที่ 1 3 และ 5 แต่จงไล่มาทีละคนว่าคนแรกเป็นใคร ดีอย่างไร ไม่ดีอย่างไร ต่อมาคนที่สองเป็นอย่างไร ดีอย่างไร ไม่ดีอย่างไร ทำอย่างนี้จนครบทุกคน จากนั้นให้สร้างเกณฑ์ที่ใช้ในการตัดสินขึ้นมา แล้วตัดสินไปตามเกณฑ์ ทำอย่างนี้อาจจะใช้เวลามากสักหน่อย แต่คนเยอรมันอดทนที่จะฟังข้อมูลให้ครบทุกด้านได้อย่างน่าประหลาดใจ เขาจะไม่พยายามตัดสินใจถ้าไม่ได้ฟังครบทุกด้านก่อน


25. รักษา ตำแหน่งของตัวเอง

เมื่อคนเยอรมันได้รับมอบหมายให้ทำอะไรใน ตำแหน่งไหนแล้ว เขาจะรับผิดชอบในตำแหน่งนั้นอย่างถึงที่สุด ไม่ทิ้งตำแหน่งของตัวเอง นั่นคือการทำงานแบบเป็นกลไก (mechanism) สไตล์เยอรมันขนานแท้ เมื่อกลไกส่วนอื่นส่งงานมาให้เขา ทุกคนจะคาดหวังได้ว่าเขาจะต้องสานต่อได้ เหมือนสายพานการผลิต ไม่มีใครที่อยู่ ๆ ก็หายไปจากตำแหน่งของตัวเอง วิธีคิดเช่นนี้สังเกตได้ในการเล่นฟุตบอลของทีมชาติเยอรมัน อาจจะดูแข็ง ๆ และไร้จินตนาการ แต่ทุกคนรักษาตำแหน่งอย่างแข็งขันและเป็นระเบียบ แต่ข้อเสียของระบบนี้ก็คือหากมีใครหายไปสักตำแหน่งก็รวนกันทั้งระบบ ดูอย่างตอนที่แพ้สงครามโลกครั้งที่สองก็เพราะบางตำแหน่งโดนโจมตีพังไป ทำให้ต่อเกมส์กันไม่ติด ไม่มีการรวมศูนย์การตัดสินใจที่สามารถปรับเปลี่ยนระบบได้อย่างยืดหยุ่นพอ เมื่อต่างคนต่างคิดว่าจะเอาอย่างไรต่อไปก็ไม่ทันเสียแล้ว



26. งานมาก่อน ความสัมพันธ์ส่วนตัวมาทีหลัง

เวลาทำ งานกับคนเยอรมัน เริ่มต้นมาก็ให้แนะนำตัวแค่บอกชื่อตัวเองก็พอ อย่าเสียเวลาคุยเรื่องส่วนตัวนาน ให้เข้าเรื่องงานเลยว่าตกลงพวกเราต้องทำอะไรกันบ้าง แล้วก็ตกลงว่าเราควรจะทำอย่างไร จากนั้นก็ทำไปตามที่ตกลงกัน เพื่อนเยอรมันคนหนึ่งเคยไปสิงคโปร์บอกว่ากว่าจะเริ่มงานได้ ชาวสิงคโปร์พูดคุยทำความรู้จักกันนานมาก จนเขารำคาญ ผมก็ว่ามันไม่เหมือนกัน ที่เอเชีย ความสัมพันธ์มาก่อน งานมาทีหลัง ถ้าความสัมพันธ์ไม่ดีงานจะไม่เดิน เพื่อนเยอรมันก็บอกว่าที่เยอรมันงานมาก่อน ความสัมพันธ์มาทีหลัง ถ้างานสำเร็จเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนเยอรมันจะแสดงความเป็นมิตร เช่น พูดชวนไปทานกาแฟ เป็นต้น นั่นแสดงว่าเขาเปิดใจมาให้เราเป็นมิตรกับเขาแล้ว



27. ไม่ ต้องกังวลถ้าคนเยอรมันไม่พูดชมซึ่งหน้า แต่เขาจะช่วยเราในเวลาคับขัน

คน เยอรมันเวลาชื่นชมผลงานของใครจะไม่พูดออกมาตรง ๆ ว่าชอบ แต่จะแสดงออกว่าชอบคน ๆ นี้โดยการหยิบยื่นช่วยเหลือให้ในยามคับขัน ดังนั้นไม่ต้องคาดหวังว่าจะได้คำพูดหวาน ๆ จากคนเยอรมัน แต่พวกเขากลับสามารถพึ่งพาได้อย่างดียิ่งเมื่อเกิดเรื่องร้ายแรงที่เราจำ เป็นต้องขอความช่วยเหลือ แต่ถ้าอยากรู้จากปากของเขาว่าเขาชอบงานของเราไหม ให้เอ่ยชมงานของเขาก่อน แล้วเขาจะเปิดใจพูดถึงงานเราบ้าง


ถ้า มีอีกจะเอามาเพิ่มให้ค่ะ (:


ไม่มีความคิดเห็น: